“แคนาเดี้ยน กรังด์ปรีซ์” จบลงแบบสุดสนุก และน่าจะขึ้นเป็นหนึ่งในสนามที่ตื่นเต้นเร้าใจมากที่สุดแห่งหนึ่งในปีนี้ กับสภาพอากาศสุดคาดเดา แต่ฝีมือของเหล่านักขับยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
แคนาเดี้ยน กรังด์ปรีซ์ เป็นหนึ่งในรายการที่น่าจะสนุกที่สุดมาจนถึงตอนนี้ของปีปฏิทิน ด้วยสภาพอากาศอันสุดจะคาดเดา ทำให้สภาพสนามที่น่าตื่นเต้นอยู่แล้วลุ้นระทึกยิ่งกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่รอบซ้อมที่ต้องเลื่อจากกำหนดการเพราะฝนตก จากนั้นในรอบคัดเลือกสนามที่สะสมความชื้นยังดำเนินต่อไป และวันสุดท้ายฝนที่คาดว่าจะไม่มาก็กระหน่ำลงมาอีก ดังนั้นธรรมชาติจึงเป็นผู้ชนะเหนือผู้ชนะทั้งมวล!
แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์และเครื่องยนตร์ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะแข่งขันกันต่อไป จนในที่สุดแฟนๆ ที่ตั้งตารอทั้งที่สนามและหน้าจอ ก็ได้เห็นผู้ชนะจากการแข่งขัน
WINNERS AND LOSERS
WINNERS
MAX VERSTAPPEN again
แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ที่สนามแห่งนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ท่ามกลางสภาพอากาศแจ่มใส แดดยามบ่าย แต่ครั้งนี้แปลกกว่าครั้งไหน เพราะฝนตก แต่ก็ไม่มากเกินจะขัดขวางการแข่งขันและยังออกตัวตามปกติ ติดแค่ละอองน้ำจากรถคันหน้า และถนนเปียกลื่นทำให้รถหลายคันพลาดท่า หนึ่งในนั้นคือเพื่อนร่วมทีม เซอร์จิโอ เปเรซ ที่ปีกท้ายเสียหาย แต่ยังขับช้าๆ กลับเข้าพิต เพื่อไม่ให้ขัดขวางการจราจรจน เซฟตี้ คาร์ออกมา และอาจผิดจังหวะช่วงชิงตำแหน่งที่หัวขบวน ซึ่งก็ต้องชื่นชมสปิริตอย่างยิ่ง เพราะหลังจากนั้นนักขับเม็กซิกัน โดนปรับเงินและปรับกริด 3 ตำแหน่งในสนามถัดไป
แม้ไม่มี เซฟตี้ คาร์ ในช่วงที่ เปเรซ กำลังพา RB18 เข้าพิตไปเก็บ แต่ก็มีอีกหลายช่วง หนึ่งในนั้นคือรอบที่ 26 เมื่อ โลแกน ซาร์เจน หมุนควงชนกำแพง จนเกิดสัญญาณธงเหลือ ลันโด นอร์ริส ผ่านปากทางเข้าพิตไปแล้ว แต่ เวอร์สเตปเปน และ รัสเซลล์ ยังทัน ทั้งสองชิงจังหวะนี้ ส่วน นอร์ริส วนมาในรอบต่อไป และเนื่องจากยังติดสัญญาณธงเหลือ ความเร็วที่ต้องลดลงกับยางที่ทำอุณหภูมิไม่ทัน จึงโดน เวอร์สเตปเปน Undercut ขยับขึ้นไปนำ
รอบที่ 48 นอร์ริส เข้าพิตอีกครั้ง และกลับออกมา แต่ก็เหมอืนเดิม ยางยังไม่ร้อนมากพอจะเร่งเครื่องขึ้นไป และหลังจากนั้น ก็ยังมีเซฟตี้คาร์อีก จังหวะที่เข้าทางกว่าที่ไมอามี่ ทำให้ครั้งนี้ชัยชนะเป็นของนักขับดัตช์ และในที่สุด จานปิเอโร แลมเบียเซ่ วิศวกรประจำตัวต้องวิทยุบอกว่า What goes around, comes around. ใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น หรือเป็นสุภาษิตไทยว่า “ทำดีได้ดี…”
MERCEDES
ตำแหน่งโพลแรกในซีซั่นนี้ของ จอร์จ รัสเซลล์ และเป็นโพลแรกนับตั้งแต่ ฮังการี 2022 น่าเสียดายที่ยังไม่ได้สัมผัสแชมป์อีกครั้ง และทิ้งช่วงมานานตั้งแต่ที่ เซา เปาโล ปีเดียวกัน แต่การขึ้นโพเดียม โดยมี ลูอิส แฮมิลตัน มาในอันดับ 4 ก็เป็นผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่ เมอร์ซิเดสทำได้ในซีซั่นนี้
7 สนามที่ผ่านมา แชมป์โลก 7 สมัยยังไม่มีโพเดียม ไม่มีแม้แต่ท็อป 5 ด้วยซ้ำ แม้หลังจบการแข่ง แฮมิลตัน พยายามโทษตัวเองว่าขับแย่ การแข่งขันโดยรวมก็แย่ ทั้งที่รถมีศักยภาพ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผลงานที่ออกมาดีที่สุดกว่า 7 สนามก่อนหน้า
LOSERS
FERRARI
เฟอร์รารี่ ไม่ได้คะแนนจากสนามนี้ ท้ายที่สุดทั้ง ชาร์ลส์ เลอแกลร์ และ คาร์ลอส ไซนซ์ ออกจากการแข่งขันเนื่องจากรถมีปัญหา ไม่สามารถทำความเร็วให้ดีกว่าเดิม หลังออกจากการแข่งขันอย่างเจ็บช้ำ เลอแกลร์ บอกว่าเป็นปัญหาที่เครื่องยนตร์ซึ่งทำอะไรไม่ได้ พอหลุดไปท้ายแถวก็เลยลองใส่ยางฮษร์ดคอมพาวด์
ว่ากันตามตรง เฟอร์รารี่ มักจะทำอะไรแปลกๆ เพราะตั้งแต่รอบคัดเลือก เลอแกลร์ เองที่ยอมรับมีปัญหาด้านการจัดการ และบางทีอาจต้องเป็นแบบที่เขาบอกว่า มันก็สัปดาห์ที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ที่สุดแล้วหากยอมรับได้ในแบบนี้ ก็ดูเหมือนความมุ่งมั่นของ เฟอร์รารี่ ยังไม่ดีสักเท่าไรสำหรับทีมลุ้นแชมป์
HAAS
นิโก้ ฮูลเคนเบิร์ก และ เควิน แม็กนุสเซ่น เริ่มต้นไม่เหมือนใครทั้งนั้น สภาพสนามเปียก มีฝนเล็กน้อย แต่ทั้งสองใส่ยาง Full Wet สำหรับสนามเปียก ฝนตกเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ผิดพลาด และเนื่องจากรถทั้งสองคันเริ่มต้นด้วยยางแบบเดียวกัน คาดเดาว่าอาจเป็นการคำนวณหรือคำสั่งของทีมที่จะใช้กลยุทธใกล้เคียงกัน
เมอร์ซิเดส แตกต่างออกไป เพราะกลยุทธและรถที่ต่างกัน แต่หากฟังเสียงวิทยุเมื่อเข้าสู่รอบ 2 ทีมงานของ เมอร์ซิเดส บอกกับ รัสเซลล์ ว่า สภาพอากาศตอนนี้มันแย่สุดของวันนี้แล้ว นั่นหมายความมีการคำนวณมาอย่างดีว่าจะทำอะไรต่อไป ขณะที่ ฮาส เสียเวลาอย่างน้อย 1 ครั้งกับการเปลี่ยนยางเมื่อพื้นแทร็คเริ่มมีความชื้นลดลง
DRIVER OF THE DAY
ลันโด นอร์ริส
นอร์ริส คว้าอันดับ 2 เพราะ เซฟตี้คาร์ผิดจังหวะเล็กน้อย แต่เห็นได้เลยว่า รถแม็คลาเรนคือรถของทีมลุ้นแชมป์ที่แท้จริง และมีกลยุทธที่รัดกุม ส่วนนักขับก็มีวินัย มีความเร็ว แถมยังพูดได้แบบไม่อายว่า “รถเราดีพอที่จะชนะ” เรียกได้ว่า ถ้าไม่เพราะ แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน ขับดีไร้ที่ติ แชมป์อาจเป็นของทีมสีส้มไปแล้ว
นักขับชาวอังกฤษได้โหวต 24.7 เปอร์เซ็นต์ นำหน้า เวอร์สเตปเปน ที่ได้โหวต 11.8 เปอร์เซ็นต์เป็นเท่าตัว และนี่เป็นอีกครั้งที่ นอร์ริส ได้รางวัลนักขับยอดเยี่ยม
FASTEST LAP
ลูอิส แฮมิลตัน
อย่างที่รู้ว่า ลูอิส แฮมิลตัน ไม่ชอบใจรถในซีซั่นนี้มากนัก และหากมองในภาพรวมว่า ผลงานทั้งของตัวเองและ จอร์จ รัสเซลล์ ไม่ได้ออกมาดีมาก แต่ดีที่สุดในสนามนี้ จึงเป็นเรื่องที่พูดได้ว่า ตัวเองโชว์ฟอร์มไม่สมฐานะรถที่ควรคว้าแชมป์เอาเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไว้ลายแชมป์โลกด้วยการเร่งเครื่องทำรอบเร็วที่สุด และปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมแซงขึ้นโพเดียม เนื่องจากเวลาเฉลี่ยของ รัสเซลล์ ดีกว่า
RADIO OF THE WEEK
WOOOOOOO HOOO HOOO!!
ดูเหมือนว่า แคนาเดี้ยน กรังด์ปรีซ์ มืดหม่นเสียเหลือเกิน เพราะฝนรบกวนรอบซ้อมและรอบคัดเลือก แต่มันกลับมีสีสันขึ้นมาสุดๆ เมื่อ จอร์จ รัสเซลล์ มากับการทำเวลา 1:12:000 นาที ขึ้นมาเป็นที่ 1 ใน Q3 จากนั้นก็รอคอยว่า จะมีใครมาแซงหรือไม่ เพราะในรอบ Q2 ทั้ง รัสเซลล์ และ แฮมิลตัน เซ็ตเวลาไว้ต่ำกว่า 1.12 นาที แต่ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครจะทำเวลาได้ดีกว่า และความน่าตื่นเต้นอยู่ที่เวลาของ เวอร์สเตปเปน ซึ่งออกมาเท่ากันทุกนาที วินาที เสี้ยววินาที แต่เนื่องจากเซ็ตเวลาได้ก่อน ทำให้ รัสเซลล์ ครองโพล ในสนามนี้
สนามถัดไป ฟอร์มูล่า วัน สแปนิช กรังด์ปรีซ์ ที่ คาตาลุนญา เซอร์กิต วันที่ 21-23 มิ.ย. นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง บีอินสปอร์ตส์1 (607)
Getty
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial
