เมื่อยูเวนตุส... ทำแสบฟิออเรนติน่าอีกครั้ง

เมื่อยูเวนตุส... ทำแสบฟิออเรนติน่าอีกครั้ง
ดูซาน วลาโฮวิช กำลังจะกลายเป็นกองหน้าคนใหม่ของ ยูเวนตุส หลังจากที่ล่าสุด รายงานจาก ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวคนดังระบุว่า ทีมม้าลายบรรลุข้อตกลงกับกองหน้าทีมชาติเซอร์เบียเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงค่าธรรมเนียมของเอเยนต์ และค่าตัวที่จะจ่ายให้กับทาง ฟิออเรนติน่า พร้อมกับประกาศว่า Here we go! ตามสไตล์ของ โรมาโน่ ในเวลาที่นักเตะคนไหนย้ายทีมแบบแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว

ในรายงานแจกแจงว่า ยูเวนตุส จะจ่ายค่าตัวให้กับทาง ฟิออเรนติน่า เป็นจำนวน 75 ล้านยูโร ส่วนตัวนักเตะจะได้รับค่าเหนื่อยปีละ 7 ล้านยูโรพร้อมทั้งสัญญาระยะยาว ซึ่งแน่นอนว่ากับดาวรุ่งวัยแค่ 21 ปีแบบนี้ คงได้สัญญาไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น


จากดีลที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า (นักเตะเหลือแค่ขั้นตอนการตรวจร่างกายเท่านั้นทุกอย่างก็จะเสร็จสมบูรณ์) นั่นหมายความว่านี่เป็นอีกครั้งแล้วที่ ยูเวนตุส ใช้อำนาจเงินในการดึงกล่องดวงใจของทีมม่วงมหากาฬมาเป็นของตัวเอง


ใช่ครับ ถ้าใครติดตามดูบอลอิตาลีมานาน ย่อมต้องรู้แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกๆ ที่ทีม "เบียงโคเนรี่" ทำแสบใส่ทีม "วิโอล่า" ซึ่งถ้าไม่นับเรื่องผลงานในสนามเวลาที่เจอกัน การที่ ยูเวนตุส ชอบมาดึงนักเตะดาวเด่นของ ฟิออเรนติน่า ไปบ่อยๆ ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แฟนบอลของทีมดังแห่งเมืองฟลอเรนซ์เกลียดทีมม้าลายเสียยิ่งกว่าอุจจาระ!


ย้อนหลังไปไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนที่ข่าวของ วลาโฮวิช จะย้ายไป ยูเวนตุส เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็มีรายงานว่ากลุ่มแฟนบอลของฟิออเรนติน่าที่ใช้ชื่อว่า Curva Fiesole ได้เอาป้ายผ้าไปแขวนไว้บริเวณด้านนอกของสนาม อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ ซึ่งบนป้ายผ้านั้นเต็มไปด้วยคำด่าทอและขู่ฆ่า วลาโฮวิช อาทิ "ไอ้เลว วลาโฮวิช! พวกบอดี้การ์ดช่วยชีวิตทุเรศๆ ของแกไม่ได้หรอก ตอนนี้แกจบแล้ว!" หรือ "การให้ความเคารพนับถือไม่ได้เกิดจากการยิงประตูอย่างเดียวโว้ย! ไอ้สารเลว!" เป็นต้น...


จะว่าไปก็ถือว่าค่อนข้างแรงอยู่ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้


สำหรับการย้ายจาก ฟิออเรนติน่า ไป ยูเวนตุส นั้น ในอดีตก็มีสตาร์หลายคน อย่างเช่น เฟลิเป้ เมโล่, ฮวน กวาดราโด้, เฟเดริโก้ แบร์นาเดสคี่ หรือในรายล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้อย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า


แต่ถามว่าชื่อที่บอกไปสร้างความแค้นเคืองให้กับแฟนบอลฟิออเรนติน่าขนาดนั้นหรือไม่ ก็มีทั้งเคืองและไม่เคือง แต่เท่าที่ดูแล้วไม่ค่อยรุนแรงเท่ากับเคสของ วลาโฮวิช ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะผลงานของ วลาโฮวิช มันโดดเด่นเสียจนแฟนๆ ยากที่จะทำใจให้ย้ายออกไปง่ายๆ แบบนี้


หากว่าใครไม่ค่อยได้ดูฟอร์มของ วลาโฮวิช นี่คือกองหน้าที่เชื่อกันว่า มีความสามารถที่จะก้าวขึ้นมาเทียบเคียงดาวเด่นในรุ่นปัจจุบันของวงการอย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง


แน่นอนว่ากองหน้าดาวรุ่งในวงการฟุตบอลยุโรปในเวลานี้นั้นมีที่น่าจับตามองมากมาย แต่ถ้าให้มีการจัดอันดับว่าใครจะก้าวขึ้นมาสืบทอดยุคสมัยที่ใกล้จะผ่านพ้นไปของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ แล้ว ก็น่าจะเป็นสองคนนี้เท่านั้น


แต่ วลาโฮวิช ถูกมองว่าอาจจะเป็นเจ้าชายองค์ที่ 3 ที่จะก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ของ ฮาแลนด์ และ เอ็มบั๊ปเป้ เพราะถ้าเรามองไปที่สถิติของกองหน้าเซิร์บรายนี้ ก็ต้องบอกว่าน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว


วลาโฮวิช เกิดที่กรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย กำลังจะอายุครบ 22 ปีในวันที่ 28 มกราคมนี้ เป็นคนเซิร์บแท้ๆ แบบที่ไม่มีอะไรเจือปน และเริ่มเข้าสู่ระบบนักเตะเยาวชนอย่างจริงจังกับสโมสรปาร์ติซาน เบลเกรด เมื่อปี 2014 ก่อนที่จะใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวก็สามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ ตอนที่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น และในปี 2016 เจ้าตัวก็ได้ลงประเดิมสนามให้กับ ปาร์ติซาน ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ในเกมที่พบกับ โอเอฟเค เบโอกราด กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของเซอร์เบีย ในวัยเพียง 16 ปี กับอีก 24 วัน


อย่างไรก็ตาม ผลงานในช่วงแรกของ วลาโฮวิช ยังไม่ได้ยิงประตูอย่างระเบิดระเบ้ออะไร แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะได้รับการจับตามองจากหลายทีมในยุโรป ก่อนที่จะเป็นฟิออเรนติน่าที่จัดการรวบตัวไปเซ็นสัญญาล่วงหน้า และมีผลตอนที่นักเตะอายุครบ 18 ปี


ในฤดูกาลแรกกับ ฟิออเรนติน่า หรือในปี 2018-19 วลาโฮวิช ได้ลงสนามไป 10 นัด ยิงไม่ได้เลยสักประตู แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เพราะในฤดูกาลถัดมา วลาโฮวิช ในวัย 19 ปี โชว์ฟอร์มยิงไป 8 ประตูจาก 34 นัดรวมทุกรายการ ถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจเมื่อดูจากอายุและประสบการณ์ของเจ้าตัว


ก่อนที่ปีต่อมา วลาโฮวิช จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เขามีอยู่ เมื่อจัดการถล่มตาข่ายไปอีก 21 ตุงจาก 40 เกมรวมทุกรายการ ซึ่งทั้ง 21 ประตูดังกล่าว เป็นการยิงใน กัลโช่ เซเรีย อา ล้วนๆ แต่ถึงกระนั้น ฟิออเรนติน่า ก็จบเพียงอันดับที่ 13 ของตารางเท่านั้น


แน่นอนว่านี่เป็นสถิติการยิงประตูที่น่าทึ่ง แต่ก็ยังมีหลายคนสงสัยว่า วลาโฮวิช เป็นของจริงหรือเปล่า หรือว่าแค่ฟลุ๊คเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ให้เห็นในฤดูกาลต่อมา หรือก็คือในปีนี้ว่าเขาไม่ได้เป็นของปลอมอย่างที่หลายคนคิด เมื่อจัดการยิงไป 17 ประตูจากการลงสนามในเกมเซเรีย อา  21 นัด และถ้านับรวมทุกรายการ วลาโฮวิช ทำไปแล้ว 20 ประตูจาก 24 เกม แถมยังแอสซิสต์ไปอีก 4 ครั้ง เท่ากับว่าเขามีส่วนร่วมกับประตู 24 ลูกจาก 24 นัดที่ได้ลงสนาม!


ด้วยวัยเพียง 22 ปี กับส่วนสูง 190 เซนติเมตร จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม ยูเวนตุส จึงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องยอมทุ่มเงินมหาศาลถึง 75 ล้านยูโรคว้าตัวมาร่วมทีม และก็ไม่น่าแปลกใจอีกเช่นกันว่าทำไมบรรดาผู้สันทัดกรณีจึงเชื่อว่า วลาโฮวิช มีสิทธิ์ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน "Three Kings" ในอนาคต ร่วมกับ ฮาแลนด์ และ เอ็มบั๊ปเป้


อย่างไรก็ตาม แทนที่แฟนๆ ฟิออเรนติน่า จะได้ชุ่มชื่นหัวใจไปกับดาวรุ่งรายนี้อีกสักระยะ แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญา หลังจากที่สัญญา 5 ปีของเขากำลังจะหมดลงหลังจบฤดูกาล 2022-23 หรือก็คือจบฤดูกาลหน้า นั่นแปลว่า ฟิออเรนติน่า ต้องรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง หากไม่อยากเสียเพชรเม็ดงามเม็ดนี้ไปแบบฟรีๆ หรือว่าขายได้ในราคาที่ถูกเกินไป เพราะถ้าปล่อยให้ไปย้ายตอนจบฤดูกาลนี้ เท่ากับว่านักเตะจะเหลือสัญญาแค่ปีเดียว เป็นการเสี่ยงอย่างมากที่อาจจะขายไม่ได้ราคา หรือนักเตะอาจจะเดินเกมรอหมดสัญญาเพื่อย้ายฟรี


นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไม ฟิออเรนติน่า จึงยอมตัดใจขายตั้งแต่ตอนนี้เลย และเป็น ยูเวนตุส ที่รีบเสนอตัวเข้ามาทันที หลังรู้ว่านักเตะไม่ได้อยากย้ายไป อาร์เซน่อล ก่อนที่ดีลนี้จะจบลงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้าที่ตลาดนักเตะรอบนี้จะปิดตัวลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


นั่นคือประวัติและผลงานของ วลาโฮวิช พอสังเขป เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจว่าทำไมแฟนบอล ฟิออเรนติน่า ถึงเคืองกองหน้ารายนี้นัก


ทีนี้อย่างที่ผมเกริ่นไปว่า ในอดีตที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ยูเวนตุส มาฉกเอากล่องดวงใจของ ฟิออเรนติน่า ไป เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง แต่ถ้าเราย้อนไปในอดีต คนที่น่าจะทำให้แฟนบอลของ ฟิออเรนติน่า ไม่พอใจ ยูเวนตุส มากที่สุด ก็น่าจะเป็นดาวเตะที่มีฉายาว่า "เปียทองคำ" หรือก็คือ โรแบร์โต้ บาจโจ้ นั่นเอง


บาจโจ้ ไม่ใช่เด็กปั้นของ ฟิออเรนติน่า เพราะเขาเริ่มต้นอาชีพกับ วิเชนซ่า แต่ทีมม่วงมหากาฬคือสโมสรที่ให้โอกาสเขาได้สร้างชื่อ และยังเชื่อมั่นในตัวเขาเพราะในช่วงเวลาที่ บาจโจ้ ย้ายมาที่ฟลอเรนซ์นั้น เขามีอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า หรือ ACL ฉีกขาดติดตัวมาด้วย แต่ถึงกระนั้น ฟิออเรนติน่า ก็ยังมั่นใจในตัวเขา และเซ็นสัญญาดึงตัวมาจาก วิเชนซ่า ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ ทั้งๆ ที่ทีมแพทย์มองว่าบางที บาจโจ้ อาจจะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกไม่ได้ด้วยซ้ำ


แต่เหมือนปาฎิหาริย์ บาจโจ้ หายเจ็บกลับมาอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นดาวเด่นของ ฟิออเรนติน่า จนได้รับการกล่าวว่าเขาคือสมบัติแห่งวงการฟุตบอลอิตาลี ในฤดูกาลที่ 3 ของเขากับทีมวิโอล่า บาจโจ้ ยิงไป 9 ประตูจาก 34 เกม แต่ที่สุดยอดคืออีกสองปีต่อมา เมื่อเจ้าตัวยิงไป 24 และ 19 ประตูตามลำดับ ทำให้ในปี 1990 ปีเดียวกับที่ อิตาลี เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ยูเวนตุส ยอมทุ่มเงินเป็นสถิติโลกในเวลานั้นถึง 25,000 ล้านลีร์ หรือราวๆ 8 ล้านปอนด์ กระชาก บาจโจ้ ในวัย 23 ปีมาร่วมทีมจนได้ ท่ามกลางความไม่พอใจอย่างรุนแรงของเหล่าแฟนบอลหัวรุนแรงของฟิออเรนติน่า


ความไม่พอใจนั้นรุนแรงถึงขนาดที่เกิดการก่อจลาจลที่หน้าที่ทำการสโมสรและภายในเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 50 ราย และยังมีถึง 9 รายที่ถูกจับกุม


นับตั้งแต่นั้นมา บาจโจ้ ก็ถูกแฟนบอลของฟิออเรนติน่าตราหน้าว่าเป็น "ไอ้คนเนรคุณ" แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่เคยตอบโต้แฟนบอลที่จงเกลียดจงชังเขาเลย ตอนที่กลับไปเยือนทีมเก่าครั้งแรกเมื่อปี 1991 บาจโจ้ ยังไม่ยอมรับหน้าที่ยิงลูกจุดโทษ นอกจากนั้นตอนที่โดนเปลี่ยนตัวออก ก็ยังโบกมือให้กับแฟนบอลของฟิออเรนติน่า แม้ว่าจะโดนขว้างปาของลงมาใส่มากมาย แต่ บาจโจ้ กลับก้มลงเก็บผ้าพันคอของทีมเก่าที่แฟนบอลขว้างลงมาติดตัวไปด้วย ทำให้ทุกคนเห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว ดาวเตะเปียทองคำไม่เคยลืมความผูกพันที่เขามีให้กับ ฟิออเรนติน่า เลย


ดังนั้น ถ้าจะมีการย้ายทีมจาก ฟิออเรนติน่า ไปสู่ ยูเวนตุส ครั้งไหนที่ Impact มากที่สุด ก็น่าจะเป็นตอนที่ บาจโจ้ ย้ายไปเมื่อ 32 ปีก่อนนั่นแหละ ก่อนที่ในปีนี้ จะเป็นคราวของ วลาโฮวิช ในวัย 22 ปี ซึ่งก็เป็นช่วงอายุที่ใกล้เคียงกัน และแฟนบอลก็ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่พอสมควร แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้รุนแรงเท่ากับเมื่อครั้ง บาจโจ้ ก็ตาม


แต่ก็ถือว่าได้ว่า นี่เป็นอีกครั้งที่ ยูเวนตุส ใช้เงินฟาดหัว ฟิออเรนติน่า และทำให้แฟนบอลวิโอล่าต้องโกรธแค้น ซึ่งแน่นอนว่าวันที่ 22 พฤษภาคม นัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่ง วลาโฮวิช จะต้องกลับมาเยือน อาร์ตมิโอ ฟรังคี่ ถิ่นเก่าของเขาพร้อมกับทีมใหม่นั้น รับรองว่าจะได้เจอการต้อนรับอย่างสาสมจากแฟนบอลเจ้าถิ่นแน่ๆ 


แต่ปฏิกิริยาของ วลาโฮวิช ที่มีกับแฟนบอล จะเป็นเหมือนกับที่ บาจโจ้ เคยทำเอาไว้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial