อเล็กซ์ ปลื้มใจคว้าแต้ม ความสำเร็จเบื้องหลัง FW44

อเล็กซ์ ปลื้มใจคว้าแต้ม ความสำเร็จเบื้องหลัง FW44
“อเล็กซ์” ปลื้มใจ คว้าแต้มอีกครั้งที่ “เบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์” และเปิดเผยความสำเร็จเบื้องหลัง FW44 ที่มีสมดุลมากกว่าแค่เร็วในทางตรง




อเล็กซ์ อัลบอน นักขับไทยหนึ่งเดียวในศึก ฟอร์มูล่า วัน เก็บแต้มได้อีกครั้งที่ เบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังจากวันก่อนหน้าทำผลงานรอบคัดเลือกด้วยอันดับ 9 (จากนั้นเลื่อนขึ้นเป็นอันดับ 6 เพราะมีรถข้างหน้าโดนปรับโทษ) และจบการแข่งแบบมีแต้มโดยเป็นหัวขบวนที่มีรถอีกหลายคันพยายามแซงเพื่อแย่งพื้นที่แต่ไม่สำเร็จ 


หลังจบจากรอบโพล โพสิชั่น อเล็กซ์ บอกว่ายินดีมากๆ ทั้งหมดเกิดจากการทำงานหนักของทีมงาน และความพยายามที่จะแก้ปัญหาต่างๆ แม้รถไม่ค่อยน่าไว้ใจ (Slippery) แต่ก็เชื่อว่าสนามที่ค่อนข้างเหมาะกับรถน่าจะช่วยให้ได้อะไรบ้าง และยังไม่ลืมความเป็นจริง โดยทำนายผลไว้ว่า ดูจากเวลาแล้ว แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน เพื่อนร่วมทีมสมัยอยู่ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง จะแซงไปได้ในรอบ 3 


เมื่อออกสตาร์ทที่ เซอร์กิต เดอ สปา ฟรังโกชองส์ ในอันดับ 6 การชิงตำแหน่งดูไม่ดีนัก และตกมาเล็กน้อยในอันดับ 7 จากนั้นรอบถัดมามี ธงเหลืองและ เวอร์ช่วล เซฟตี้ คาร์ จากการเฉี่ยวชนระหว่าง นิโคลัส ลาติฟี เพื่อนร่วมทีม วิลเลี่ยมส์ และ วัลเตรี บ็อตตาส ทีมอัลฟ่า โรเมโอ ที่ต้องออกจากการแข่งขัน ทำให้ทุกคันโดนจำกัดความเร็ว และสิ่งที่เขาคิดไว้ก็เกิดขึ้นจริง เวอร์สเตปเปน แซงหน้าไปได้ในรอบที่ 5! 


ตำแหน่งค่อนข้างหวาดเสียว เมื่อผ่านมาครึ่งทาง อเล็กซ์ อยู่อันดับ 9 และในที่สุดช่วงเวลาที่สาวกมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยลุ้นตัวเกร็งก็เกิดขึ้นกับการเข้าพิตครั้งสุดท้าย การใช้เวลาในพิต เปลี่ยนยาง และกลับออกมาเป็นอันดับ 16 พอดีกับที่ ลาติฟี ตามหลังมา ทำให้กันรถอีกคันเอาไว้ได้ 


ด้วยยางมีเดียมที่สดใหม่ และรถคันอื่นทยอยเปลี่ยนยาง อเล็กซ์ ค่อยๆ ไต่อันดับกลับมาในอันดับ 10 เป็นหัวขบวนในกลุ่มนี้ที่มีทั้ง แลนซ์ สตรอลล์ ตามอยู่ประมาณครึ่งวินาที ลันโด นอร์ริส จากแม็คลาเรน นักขับจีน โจว กวนยู และ ยูกิ ทซึโนดะ โดยเวลาต่อมา หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษบอกว่า นี่คือยางชุดสุดท้ายแล้ว แปลว่าพลาดอะไรไม่ได้นั่นเอง แต่ทุกอย่างก็จบลงแบบชื่นมื่น 


เมื่อกลับเข้ามาข้างสนาม อเล็กซ์ บอกว่า “ดีใจมาก เราเริ่มต้นไม่ยอดเยี่ยมนัก ก็ค่อนข้างลำบาก ผมถามไปว่าเราควรเข้าพิตเมื่อไร เพราะมันกุกกัก บางครั้งส่วนที่เราควรได้เปรียบก็กลายเป็นจุดอ่อนขึ้นมาเฉยๆ รถวิ่งได้ดีในทางตรง แต่พอเข้าโค้งหน้ายางเสีย บางสนามจัดการกับยางได้ดี เร็วมาก แต่ในวันนี้ ด้วยสภาพอากาศแบบนี้ถือว่ายาก แต่ก็ผ่านมาได้” 


ตอนที่อยู่ตำแหน่ง P10 นี่คือยางชุดสุดท้ายแล้ว เราต้องรักษามันเท่าชีวิต และผมดีใจมากที่เห็นธงตราหมากรุกในตอนจบ เป็นผลการแข่งที่ดีจริงๆ ผมรู้สึกว่าเราทำงานกันได้ดีตลอดสัปดาห์ ผมยินดีกับสัปดาห์ที่ผ่านไปนี้มาก หวังว่ามันจะเป็นแรงส่งที่ดีไปที่ ซานฟอร์ต (ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ 2-4 ..)” อเล็กซ์ กล่าว


ย้อนกลับไปในรอบคัดเลือก เห็นได้ว่ารถของวิลเลี่ยมส์ ทำเวลาดีเป็นอันดับต้นๆ แม้รอบถัดมาเสียความเร็วไปบ้าง แต่การเข้าถึง Q3 ครั้งแรกของปีสำหรับ FW44 ของ อเล็กซ์ ก็เพราะการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แบบที่ไม่ทำให้เสียอะไรไปมากนัก 


เดฟ ร็อบสัน ดูแลส่วนงานเพอร์ฟอร์แมนซ์ของรถบอกว่า ตัวเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยกับผลที่ออกมาในรอบ Q1 กุญแจสำคัญมีสองส่วน ส่วนแรกคือการลดค่าแรงกด (Downforce) ของตัวรถลงไป แต่ที่จริงค่าแรงกดไม่ได้ปรับไว้เท่ากันในทุกเซคชั่นของรอบคัดเลือก เนื่องจากรอบสองจะวิ่งนานกว่ารอบอื่น เป็นการปรับเพื่อสมดุลโดยรวม และเพื่อให้มันไปกับตัวยาง (แม้ในรอบ Q3 อาจคุมอุณหภูมิยางก่อนปล่อยตัวรถออกไม่ดีเท่าไรแถมต้องไม่ลืมว่ารถไม่ได้วิ่งตรงอย่างเดียว 


ร็อบสัน อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่จริงไม่ได้เปลี่ยนอะไรใหญ่โดต หรืออะไหล่ตัวหลักใดๆ แต่จุดสำคัญถัดมาคือปีกท้ายรถ ซึ่งก็อัพเกรดรอบใหญ่ไปแล้วที่ ซิลเวอร์สโตน ส่วนที่สนามแห่งนี้ สิ่งที่ทำคือหั่นลดขนาดลงเล็กน้อย เนื่องจากรถของ วิลเลี่ยมส์ มักจะอ่อนไหวต่อแรงลม หรือถ้าลมแรงก็จะไปได้ไม่ดีเท่าที่ควร การหั่นปีกหลังก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงขับ ซึ่งที่ สปา ฟรังโกชองส์ ไม่มีลมแรงนัก จึงยิ่งส่งผลดี 


บอกได้เลยว่าทุกการอัพเกรดรถ เป็นการทำอะไรที่ง่ายๆ แต่ออกมาได้ผลดี และมีแรงขับเคลื่อนดีขึ้น ทุกอย่างที่ทำจึงเป็นพลังบวก มีผล มีประโยชน์ ทำให้รถอยู่ในระดับที่สู้กับคันอื่นได้ดี ส่วนตัวนักขับก็ต้องรู้หน้าที่ว่าควรทำอะไรตอนไหน เมื่อถึงโค้งไหนต้องเบรกหรือเลี้ยว จัดการกับรถอย่างไร แม้ ร็อบสัน บ่นเล็กน้อยว่า ในรอบซ้อมรอบแรก เห็นอาการกระดอน (Porpoising) ของรถแล้วค่อนข้างกังวล


อย่างไรก็ดี การได้แต้มเป็นพลังใจสำคัญของ วิลเลี่ยมส์ ที่ตอนนี้เป็นอันดับสุดท้ายในตารางคะแนนสะสมประเภททีม แต่เหล่าวิสวกรก็พอมองออกว่าสนามหน้าคงต้องเหนื่อยกันอีกหน่อย เพราะ ซานฟอร์ต ที่ ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ สภาพสนามเป็นอีกอย่าง สภพาอากาศไม่เหมือนกัน และไม่ค่อยเหมาะกับรถ แต่พวกเขาก็จะพยายามต่อไป 


สนามถัดไป ดัตช์ กรังด์ปรีซ์ 2-4 .นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง ทรูสปอร์ต 1 (666) เช่นเคย  


F1DRIVE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial