NBA FINALS เซลติกส์ - วอร์ริเออร์ส

NBA Finals

BOSTON CELTICS @ GOLDEN STATE WARRIORS

สนาม : CHASE CENTER

เวลา : 08.00 น. วันที่ 3-20 มิ.ย. 2022

ช่อง : ทรูสปอร์ต 1 (666)

เอ็นบีเอ รอบชิงชนะเลิศ โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ขนสตาร์มาลงสนามเหมือนว่าไม่เคยจากไปไหน ด้วยตัวผู้เล่นที่คุ้นหน้านำโดย สตีเฟ่น เคอร์รี่ ขณะที่ บอสตัน เซลติกส์ ฝ่าด่าน 7 เกมมาทั้งสองรอบเหมือนจะมีสภาพสะบักสะบอมแต่ก็ไม่ย่ำแย่ขนาดนั้นหากได้ชมทุกเกมจะเห็นว่าทีมชุดนี้มีความตั้งใจเต็มเปี่ยม นำโดย เจสั่น เททั่ม ผู้เล่นระดับออลสตาร์ที่อายุเพียง 24 ปี 

โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส

วอร์ริเออร์ส เริ่มต้นฤดูกาลอย่างดี และเป็นหนึ่งในตัวเต็งมาตลอด แม้ไม่รู้ว่า เคลย์ ธอมป์สัน จะคืนสนามเมื่อไร แต่ทุกคนมีความเชื่อมั่นอยู่เสมอ เนื่องจากตัวหลักอยู่กับทีมมาหลายปีจึงเกิดปัญหาบาดเจ็บๆ เล็กๆ น้อยๆ อยู่เรื่อยๆ ทั้งอาการเจ็บหลังของ เดรย์มอนด์ กรีน หรืออาการเจ็บที่เท้าซ้ายของ เคอร์รี่ ที่แม้ทุบสถิติยิง 3 คะแนนมากที่สุดตลอดกาลไปแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าถดถอยลง อย่างไรก็ดี เขาโชว์ของในเกมออลสตาร์ที่ปราศจากความกดดันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ครึ่งฤดูกาลที่เหลือเต็มไปด้วยไฟเจิดจ้า กับทีมที่ยังมีเขาเป็นแกนหลักไม่เปลี่ยนแปลง

ออลสตาร์เช่นกัน เป็นจุดเริ่มของคำถามสำหรับ แอนดรูว์ วิกกิ้นส์ ที่อยู่ๆ ก็ได้คะแนนโหวตล้นหลาม ไม่มีใครมองว่าเขาเป็นผู้เล่นที่แย่ แค่ดีพอหรือไม่สำหรับการเป็นตัวจริง แต่มันก็เป็นไปแล้ว และจากตรงนั้นเขาทำให้ทุกคนเห็นว่าเขาคู่ควร ส่วน จอร์แดน พูล เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีพัฒนาการก้าวกระโดดในลีก พวกเขาผ่าน เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ที่พึ่งพา นิโกล่า โยกิช อย่างชัดเจนมาเจอบททดสอบจาก เมมฟิส กริซซ์ลี่ส์ ที่พาตัวเองจาก เพลย์ อิน ทัวร์นาเมนต์ปีก่อน มาถึงอันดับ 2 ของสายตะวันตก และสู้กันอย่างดุเดือดทั้งที่ขาดสตาร์คนสำคัญอย่าง จา มอแรนท์

รอบชิงแชมป์สายเหนือคาดหมายไปเล็กน้อย เมื่อ ฟีนิกซ์ ซันส์ โดนเขี่ยตกรอบ และ ดัลลัส แมฟเวอริกส์ ก้าวขึ้นมาด้วยทีมเวิร์กที่น่าสนใจ แค่ยังไม่ดีพอ ซึ่งหากมองให้ดี ที่ผ่านมา เกมรุกคือไพ่ใบสำคัญ จนกระทั่งเจอ แมฟเวอริกส์ เกมรับจึงเริ่มทำงาน เหมือนจะเป็นข้อความบอกกับทีมจากอีกสายว่าพวกเขาไม่ได้มีดีแค่ 3 คะแนน

บอสตัน เซลติกส์ 

นี่คือทีมที่เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลานกว่าจะมีวันนี้ เพราะถอยหลังกลับไปเกือบกลางฤดูกาล กับสถิติ ชนะ 18 แพ้ 21 อันดับ 11 ของสายตะวันออก ไม่มีใครมองทีมของ ไอเม อูโดก้า เฮดโค้ชรุกกี้เป็นตัวเต็งอย่างแน่นอน และแค่ตะเกียกตะกายเข้าเพลย์ออฟก็ดีมากแล้ว ปัญหาช่วงนั้นคือความเข้าขาระหว่าง เจสัน เททั่ม และ เจย์เล่น บราวน์ เกมวันที่ 6 ม.ค. ขึ้นนำ นิวยอร์กนิกส์ 25 คะแนนแต่กลับมาแพ้ทำให้ทุกอย่างย่ำแย่ แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยน 

เททั่ม และ บราวน์ เริ่มส่งบอลให้กันโดยไม่ผิดจังหวะ และสลับรุกรับได้อย่างเป็นลำดับ การเทรดเอา เดอร์ริค ไวท์ เข้ามาทำให้ทีมมีตัวโรเตชั่น การเคลื่อนไหวของบอลดียิ่งขึ้น และกลายเป็นทีมที่มีเกมรับยอดเยี่ยมที่สุดในลีก เสีย 104.9 คะแนนต่อเกม มากกว่าอันดับ 2 ที่เสีย 118.5 คะแนนค่อนข้างไกล และ เททั่ม กลายเป็นผู้เล่นในทีมยอดเยี่ยม มาร์คัส สมาร์ท เป็นผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยม โรเบิร์ต วิลเลี่ยมส์ เดอะ เธิร์ด เป็นเซ็นเตอร์ทีมสองของชุดทีมรับยอดเยี่ยม กัปตันทีม อัล ฮอร์ฟอร์ด ก็ได้รับคะแนนโหวตในฐานะหนึ่งตัวรับอันน่าชื่นชม

อันดับ 2 ของสายตะวันออกค่อนข้างเหลือเชื่อ พอๆ กับที่ บรู๊คลิน เน็ตส์ จ่าฝูงในช่วงต้นซีซั่นตกรูดลงมาตะเกียกตะกายเข้า เพลย์ อิน ทัวร์นาเมนต์ และทีมเวิร์คของ เซลติกส์ ทำให้พวกเขากวาดซีรี่ส์ 4-0 หนึ่งเดียวในเพลย์ออฟฤดูกาลนี้ ก่อนต้องรับมือกับพลังของแชมป์เก่า มิลวอกี้ บัคส์ ที่ขนาดไม่มี คริส มิดเดิลตัน ยังต้องสู้ถึงเกม 7 และเจอ 2 ทีมที่มีเกมบุกชั้นยอดระดับท็อป 3 ของลีกมาแล้ว

LINEUPS

เชื่อว่าแฟนๆ ที่ได้ชมเกมมาอย่างต่อเนื่องจากรอบชิงแชมป์สายคงหลับตาเห็นภาพเดียวกันกับความไว้ใจที่ สตีฟ เคอร์ มีให้ เคอร์รี่ พูล ธอมป์สัน วิกกิ้นส์ และ กรีน ที่ใช้เวลาในควอเตอร์สุดท้ายของรอบเพลย์ออฟไปไม่น้อย แต่ทีมชุดนี้ก็ยังมีตัวสำรองดีๆ อย่าง แกรี่ เพลย์ตัน เดอะ เซคันด์ หากต้องการขันเกมรับขึ้นอีกนิด และมีการสลับสับเปลี่ยนทั้ง คีวอน ลูนี่ย์ ที่เป็นตัวแปร X ในบางเกมลงมา เช่นเดียวกับ อ็อตโต้ พอร์เตอร์ จูเนียร์ แต่ปัญหาก็คือตอนนี้ทั้งสองอาจมีสภาพไม่เต็มร้อยเช่นเดียวกับ อังเดร อิกัวดาล่า 

เซลติกส์ มีความชัดเจนว่าพวกเขาขาด เททั่ม บราวน์ สมาร์ต ฮอร์ฟอร์ด ไม่ได้เช่นเดียวกับ แกรนท์ วิลเลี่ยมส์ และมีพลังล้นเหลือในการรันแต้มช่วงควอเตอร์สุดท้าย โดยมี ไวท์เสริมกำลัง ซึ่งหากไม่ขาด โรเบิร์ต วิลเลี่ยมส์ ที่พักไปผ่าตัดเข่าซ้ายเชื่อว่าจะมีลูกเล่นซ่อนไว้อีกนิด แต่โดยรวมแล้วประสิทธิภาพของทีมอยู่ที่สมดุลระหว่างรุกและรับ ซึ่งออกจะเอียงไปทางเกมรับมากกว่าเล็กน้อย 

HEAD TO HEAD

ฤดูกาลนี้ทั้งสองพบกันในฤดูกาลปกติ 2 เกม ซึ่งไม่สามารถวัดผลได้ด้วยการผลัดกันแพ้ชนะคนละครั้ง ช่วงกลางเดือนธ.ค. 2021 วอร์ริเออร์ส ชนะ 111-107 โดยมี โมเสส มูดี้ เป็นตัวจริง เกมนั้นขาดทั้ง พูล และ ธอมป์สัน เป็นเกมที่ เคอร์รี่ และ วิกกิ้นส์ ทำสกอร์รวมกัน 57 คะแนน ส่วน เซลติกส์ ไม่มี ฮอร์ฟอร์ด และ วิลเลี่ยมส์ เททั่มและบราวน์ ทำรวมกัน 47 คะแนน จะเห็นว่าคะแนนใกล้มากแต่จำนวนช็อต คู่ของ วอร์ริเออร์ส 41 คู่ เซลติกส์ 35 และเป็นเกมที่อยู่ก่อนเทรดเดดไลน์

กลางเดือนมี.ค. 2022 เซลติกส์ถล่ม 110-88 เคอร์รี่ ได้รับบาดเจ็บหลังผ่านเกม 20 นาที โดน สมาร์ท พุ่งใส่จนโดน โค้ช เคอร์ ตำหนิอย่างหนัก เททั่ม และ บราวน์ ทำ 52 คะแนน เกมนั้น ธอมป์สัน กลับมาเข้าคู่ พูล เป็น Splash Brothers 47 คะแนนไม่มากพอจะพาทีมชนะ แต่ก็น่าสนใจเพราะไส้ในหรือระหว่างเกมนั้นทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสในการขึ้นนำห่างถึง 20 คะแนนด้วยกันทั้งคู่ 

คาดการณ์ 

ทั้งสองเป็นทีมที่มีคาแร็คเตอร์ชัดเจน และหากความคิดแรกที่แล่นเข้ามาหมายถึง วอร์ริเออร์ส เปิดเกมรุก เซลติกส์ ตั้งเกมรับและรอเอาคืน นั่นก็เป็นความคิดที่ไม่ผิดนัก แต่ในเกมรอบชิงแชมป์สาย ลูกทีมของ เคอร์ แสดงให้เห็นว่าสามารถเล่นเกมรับได้ วิกกิ้นส์ ไล่ ลูก้า ดอนซิช เป็นเสมือนเงา ส่วนเกมที่พบกันก่อนหน้า สมาร์ท ทำให้ เคอร์รี่ เล่นยาก ทั้ง เปอร์เซ็นต์ฟิลด์โกลที่ต่ำลง และเสีย 10 เทิร์นโอเวอร์ส จ่ายบอลยังแทบไม่ได้ ซึ่งสถิตินี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเกมเดียว แต่อยู่มาตั้งแต่ปี 2017/18 

อย่างไรก็ดี วอร์ริเออร์ส ยังมีทั้ง ธอมป์สัน และ กรีน ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า เททั่ม ที่ยังไม่เคยเข้าชิงมาก่อน เพราะ เซลติกส์ หายหน้าไป 12 ปีแล้ว ผู้เล่นตัวหลักอายุไม่มากหากไม่นับ ฮอร์ฟอร์ด ก็เป็นทีมค่าเฉลี่ยอายุน้อย บางครั้งยังกล้าได้กล้าเสีย และในรอบชิงแชมป์สายที่เจอ ฮีต ถ้าไม่ถล่มชนะไปเลยก็แย่แพ้ขาดไปเหมือนกันก่อนมาเฉือนกันในเกมสุดท้าย 

วอร์ริเออร์ส มีทั้งตัวเก๋าและดาวรุ่งกับส่วนผสมที่ค่อนข้างลงตัวในเรื่องประสบการณ์ เสมือนว่าพวกเขาไม่ได้ไปไหนไกล ขณะที่ เซลติกส์ ต้องใช้ความพยายามและตามหาตรงกลางของทุกสิ่ง ที่สุดแล้ว วอร์ริเออร์ส มีโอกาสมากกว่าที่จะพาแชมป์มาสู่บ้านใหม่ และน่าจะเก็บชัยชนะได้แบบเฉียดฉิวใน 7 เกม