ไม่มีพลิกล็อค! ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ทะลุเข้าสู่รองรองฯ ชปล. ตามคาด

ไม่มีพลิกล็อค! ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ทะลุเข้าสู่รองรองฯ ชปล. ตามคาด
ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้ ได้ 4 ทีมในรอบรองชนะเลิศครบเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นทาง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ที่ผ่านเข้ารอบตาม บียาร์เรอัล และ เรอัล มาดริด ไป หลังสองทีมจากสเปนไปรอบในรอบตัดเชือกก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยในรอบรองชนะเลิศจะเป็นการเจอกันระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ เรอัล มาดริด และ ลิเวอร์พูล พบ บียาร์เรอัล

สำหรับเกมในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่สองในอีกสองคู่ที่เหลือ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา คู่แรก ลิเวอร์พูล ได้เล่นใน แอนฟิลด์ เจอกับ เบนฟิก้า โดยเลกแรกทีมหงส์แดง บุกไปเอาชนะมาได้ก่อน 3-1 ทำให้เกมนี้ค่อนข้างได้เปรียบอยู่พอสมควร ขณะที่ เบนฟิก้า ไม่มีทางเลือก ต้องเดินเกมบุกอย่างเต็มที่เพื่อหวังสร้างปาฏิหาริย์


เกมในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 21 จากลูกเตะมุมที่ คอสตาส ซิมิคาส เปิดมาให้ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ได้ขึ้นมาโหม่งเต็มๆ ทำให้คลายความกดดันไปพอสมควร


อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 32 เบนฟิก้า ก็มาตามตีเสมอได้จาก กอนซาโล่ รามอส จากจังหวะที่เจ้าตัวหลุดกับดักล้ำหน้า ทำให้ได้โอกาสยิงแบบโล่งๆ เป็นประตูให้ทีมเยือนตีเสมอได้ 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้


ในช่วงครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยังเล่นได้เหนือกว่า ก่อนจะยิงสองประตูรวดจาก โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ในนาทีที่ 55 และ 65 ทำให้หงส์แดงนำห่าง 3-1 สกอร์รวมหนีไปเป็น 6-2 เรียกได้ว่าน่าจะเข้ารอบได้อย่างไม่มีปัญหา


แต่ทาง เบนฟิก้า ยังไม่ยอมง่ายๆ ช่วง 15 นาทีสุดท้ายยิงสองประตูรวดจาก โรมัน ยาเร็มชุค นาทีที่ 73 และ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าตัวเก่งในนาทีที่ 82 แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น ทำให้จบเกม ลิเวอร์พูล เสมอกับ เบนฟิก้า ไป 3-3 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวม 6-4


ขณะที่เกมระหว่าง แอตเลติโก มาดริด และ แมนฯ ซิตี้ ที่สนามว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน่ กลายเป็นเกมที่สู้กันอย่างถึงพริกถึงขิง เนื่องจากเกมแรก ซิตี้ ชนะในบ้านมาได้ก่อน 1-0 ทำให้ทีมตราหมียังพอจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ เพราะตามหลังแค่ลูกเดียว


อย่างไรก็ตาม เกมในครึ่งแรกเป็นทางฝั่งเรือใบสีฟ้าทำได้ดีกว่า แม้ว่าจะไม่มีประตูทั้งสองฝ่าย แต่รูปเกมเป็นทีมเยือนที่ครองเกมและเล่นได้อย่างรัดกุม ไม่เปิดโอกาสให้ แอต. มาดริด ทำประตูได้ง่ายๆ ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0


ครึ่งหลัง ทีมตราหมีเปิดเกมรุกเข้าแลกมากยิ่งขึ้น เพราะไม่มีอะไรจะเสีย และเริ่มจะสร้างโอกาสได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังยิงไม่ผ่านแนวป้องกันของ แมนฯ ซิตี้ และเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย เกมก็หนักมากขึ้นเรื่อยๆ แอต. มาดริด งัดลูกหนักขึ้นมาเล่นงานนักเตะเรือใบแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะ ฟิล โฟเด้น ที่ตกเป็นเป้าโดนเตะหรือเล่นนอกเกมอยู่เป็นระยะ นอกจากนี้ในครึ่งหลัง ซิตี้ ยังต้องเปลี่ยน เควิน เดอ บรอยน์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ออกจากสนามอีกด้วย เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บทั้งคู่


ช่วงท้ายเกม เฟลิเป้ ปราการหลังของเจ้าถิ่น ไปเล่นนอกเกมใส่ ฟิล โฟเด้น ทำให้นักเตะทั้งสองฝ่ายไม่พอใจ กรูเข้ามาจะมีเรื่องกัน ร้อนจนผู้ตัดสินต้องเข้ามาห้ามทัพ ก่อนที่จะชูใบแดงไล่ เฟลิเป้ ออกจากสนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เกมนี้ต้องทดเวลากันยาวนานถึง 9 นาที


ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แอต. มาดริด ที่เหลือ 10 คนพยายามเปิดเกมรุกอย่างหนัก และเกือบจะตีเสมอได้หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบคมมากพอ ทำให้จบเกมเสมอกันไป 0-0 รวมผลสองนัด แมนฯ ซิตี้ เข้ารอบด้วยประตูรวม 1-0


สำหรับในเกมรอบรองชนะเลิศ จะเป็นการดวลกันระหว่างสองทีมจากอังกฤษ และสองทีมจากสเปน โดย แมนฯ ซิตี้ จะพบกับ เรอัล มาดริด ส่วน ลิเวอร์พูล จะเจอกับ บียาร์เรอัล


ทั้งนี้ เกมนัดแรกจะแข่งขันในวันที่ 26 และ 27 เมษายน ส่วนนัดที่สองจะเล่นกันในวันที่ 3 และ 4 พฤษภาคม ซึ่งใครจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ติดตามกันลุ้นกันได้ทาง True Visions ทางช่อง beIN Sports 1 ช่อง 607

ภาพจาก True Visions

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial