F1 MONACO GRANDPRIX in 4 pics

F1 MONACO GRANDPRIX in 4 pics
แชมป์ “โมนาโก กรังด์ปรีซ์” คือความฝันของเหล่านักขับ นั่นคือคำตอบที่ได้จาก “เลอแกลร์” แต่สำหรับ “เวอร์สเตปเปน” และใครอีกหลายคน อาจให้คำตอบที่แตกต่างกัน
F1 MONACO GRANDPRIX
in 4 pics

โมนาโก กรังด์ปรีซ์ จบลงอย่างชื่นมื่นสำหรับ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ เฟอร์รารี่ และเหล่าผู้ชนะ นี่คือรายการที่เก่าแก่ มีประวัติศษสตร์ยาวนาน แต่ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยก็ทำให้เกิดคำถามมากมายบนสตรีท เซอร์กิตแห่งนี้ ข้อถกเถียงที่อาจยาวไกลเกินว่าภาพ 4 ภาพจะอธิบายได้  

WINNERS and LOSERS

WINNERs

ชาร์ลส์ เลอแกลร์ และ เฟอร์รารี่

ชัยชนะอันหอมหวานที่ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ เฝ้ารอมาอย่างยาวนานมาถึงมือ และมนตร์ดำหรือคำสาปที่ใครๆ ก็เชื่อว่ามันเกิดขึ้นกับนักขับโมนากันก็สิ้นสุดลง เพราะนี่คือแชมป์แรกในบ้านเกิด แชมป์แรกในซีซั่นนี้ และอาจเป็นแชมป์ที่จะเปิดประตูสู่แชมป์ถัดไปกับการกลับมาครองความยิ่งใหญ่ของ เฟอร์รารี่ 

เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่รายการระดับโมนาโกไม่เคยนักขับพื้นถิ่นคว้าแชมป์มาก่อนตลอดระยะเวลา 93 ปีที่อยู่คู่กับ ฟอร์มูล่า วัน และอย่างที่รู้กันว่า นับตั้งแต่เซ็นสัญญาอาชีพในปี 2017 ความฝันของ เลอแกลร์ คือการเป็นแชมป์ที่นี่ เขาใช้ช่วงเวลานับแต่นั้นเก็บประสบการณ์จนสำเร็จในครั้งนี้ และเป็นนักขับ เฟอร์รารี่ ที่คว้าแชมป์นับตั้งแต่ปี 2017 ครั้งนั้นชัยชนะเป็นของ เซบาสเตียน เว็ทเทล 

อเล็กซ์ อัลบอน 

ในที่สุด อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักขับไทยหนึ่งเดียวก็สามารถหยิบคะแนนแรกในซีซั่นนี้สำเร็จจากการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 9 และทำให้ฤดูกาลของ วิลเลี่ยมส์ เรซิ่ง ดูดีขึ้นมาบ้าง แต่ยังต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อหนีอันดับบ๊วยหรือการโดนตีตราว่าเป็นทีมสุดห่วย

LOSERs

เร้ดบูลล์ เรซิ่ง 

การคว้าอันดับ 6 ของ แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน และการมาในอันดับ 18 จากรอบคัดเลือกของ เซอร์จิโอ เปเรซ ที่วันถัดมาต้องออกจากการแข่งขันเพราะโดนขัดล้อหลังโดย เควิน แม็กนุสเซ่น ทำให้สนามนี้ไม่ประสบความสำเร็จสำหรับ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง แม้แชมป์โลกดัตช์เคยกล่าวไว้ว่า ผลที่ออกมามันแย่สุดๆ แต่การจะไปเปลี่ยนแปลงรถอย่างยิ่งใหญ่แค่เพื่อสนามนี้ก็ไม่จำเป็นเช่นกัน ด้วยรถได้รับการออกแบบมาอย่างนี้

ขณะที่ คริสเตียน ฮอร์เนอร์กล่าวไว้ว่า “มันก็มีอะไรบางอย่างที่เราต้องพิจารณา เพราะที่นี่ไม่ใช่การแข่งขันทั่วไป แต่รถทุกคันช้าลงกว่าที่ควรเป็น 3-4 วินาที แถมรถทุกคันยังแทบไม่มีโอกาสแซงหน้ากันด้วย” ซึ่งแน่นอนว่า ความหมายที่ซ่อนอยู่ของหัวหน้าทีมระดับยักษ์ผู้มากประสบการณ์ไม่ได้กล่าวโทษนักขับหรือรถของตัวเอง แต่ปัญหาของที่นี่ลึกซึ้งมากกว่านั้น 

ฮาส

ฮาสไม่ได้มีผลงานรอบคัดเลือกแย่จนยากจะรับได้ เมื่อ นิโก้ ฮูลเคนเบิร์ก มาในอันดับ 12 และ เควิน แม็กนุสเซ่น อันดับ 15 แต่กลับต้องไปต่อท้ายเพราะความผิดพลาดทางเทคนิคที่ ฮายาโอะ โคมัตสึ หัวหน้าทีมบอกว่า เป็นความเข้าใจผิดระหว่างทีมที่ดีไซน์รถและผู้ดูแลกฎเข้าใจกันคลาดเคลื่อน เมื่อเปลี่ยนปีกหลัง ที่น่าจะทำให้รถไปได้ดีกว่าในสนามนี้ จึงขัดกับกฎและต้องไปต่อท้าย 

เท่านั้นโชคชะตายังกลั่นแกล้งไม่พอ รอบแรกที่ออกสตาร์ท แม็กนุสเซ่น พุ่งเข้าไปจ่อท้าย เซอร์จิโอ เปเรซ ทำให้ล้อหน้าซ้ายของตัวเองและล้อหลังขวารถ เร้ดบูลล์ เสียดสีกัน จากนั้นนักขับเม็กซิกันไม่สามารถควบคุมรถได้ หมุนคว้างจนล้อแตกกระจาย สะบัดชนกำแพงกั้เหลือแค่โครงโดยรอบที่ยังปกป้องนักขับ

ฮูลเคนเบิร์กเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดจากข้างหลังที่นั่ง และบอกกับทีมงานในวิทยุว่า “เขาไม่ควรทำแบบนั้นเลย” ซึ่งหมายความถึงการขับของเพื่อนร่วมทีมไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ใคร เพราะท้ายที่สุด “ฮัลค์” ได้รับความเสียหายไปด้วย และทีมฮาสไม่มีคะแนนในสนามนี้   

มนตร์ขลังแห่งโมนาโก 

สุดยอดนักขับทั้งหลายที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดเหนือที่สุดทั้งปวง จะต้องคว้าแชมป์ 3 รายการ “อินเดียนาโพลิส 500” การแข่งขันระยะ 500 ไมล์ “เลอมองส์ 24” หรือ 1 ในรายการของ เวิลด์ เอ็นดูแรนซ์ แชมเปี้ยนชิพ และ “โมนาโก กรังด์ปรีซ์” หากทำได้ทั้ง 3 สนาม นั่นคือยอดนักขับขนานแท้ ดังนั้น กรังด์ปรีซ์ ที่ราชรัฐโมนาโก จึงเป็นสุดยอดหนึ่งในตรีเพชรของวงการมอเตอร์สปอร์ตส์ 

ผ่านกาลเวลาตั้งแต่รายการนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในซีรี่ส์ชิงแชมป์โลกเกือบร้อยปีมาแล้ว รถคันใหญ่ขึ้น ความปลอดภัยที่ต้องเพิ่มมากขึ้น ลดแรงกระแทก ปกป้องชีวิตนักขับ และการขับแบบไม่เสี่ยงตาย ลดความเร็วลงจากความเร็วที่ควรเป็น (ตามที่ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ กล่าว) ก็ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า ถึงเวลาหรือยังที่ควรเปลี่ยนแปลง เพราะมนตร์ขลังแห่งโมนาโกที่เป็นตำนานกำลังทิ่มแทงตัวเอง 

เลอแกลร์ คว้าแชมป์พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะนักขับท้องถิ่น แต่ อเล็กซ์ อัลบอน กล่าวสิ่ที่หลายคนอาจพยักหน้าว่า “ถ้าคุณไปถามนับขับคนอื่นนอกจากชาร์ลส์ พวกเขาก็คงพูดอะไรแตกต่างจากนี้ ที่จริงมันก็น่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้สนุกมาก” 

DRIVER OF THE DAY
ชาร์ลส์ เลอแกลร์

จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ความพยายามที่จะเป็นแชมป์ในสนามนี้ของ เลอแกลร์ เปลี่ยนเป็นความดุดันในการขับขี่ และทำให้เขาเอง พลาดการคว้าชัยชนะ แต่หลังจากคว้าโพล 3 จาก 4 ครั้งล่าสุด ประสบการณ์ก็บอกว่า ถ้าเป็นผู้นำแล้ว ให้ขับอย่างใจเย็น แม้มีรถอีก 19 คันไล่หลังมาก็ไม่เป็นไร เพราะมีแค่รถคันที่ 2 เท่านั้นที่อยากจะแซงคุณ! หรือที่จริงแล้ว แทบไม่มีใครกล้าแซงกันเลยด้วยซ้ำ เพราะมีแต้มเล็กน้อย ดีกว่าชนขอบถนนและจบมือเปล่า 

การขับแบบระมัดระวังรวมถึงทบทวนแผนการที่ซักซ้อมมาอย่างดี ไม่พลาดจนรถคันหลังฉวยโอกาสไปได้ นั่นทำให้ เลอแกลร์ เป็นนักขับยอดเยี่ยมในเรซนี้

FASTEST LAP
ลูอิส แฮมิลตัน

แฮมิลตัน คว้าแชมป์ที่โมนาโกมาแล้ว 3 ครั้ง ไม่ต้องถามถึงประสบการณ์จากนักขับวัย 39 ปี เขามีมันอย่างล้นเหลือที่นี่ นับตั้งแต่เริ่มอาชีพในรุ่นสูงสุดเมื่อปี 2007 แค่ครั้งแรกก็ขึ้นโพเดียมในอันดับ 2 ขณะที่รถทุกคันพยายามลดความเร็ว ไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เขาเองก็ลดความเร็วลง แต่ยังใช้ความรอบรู้และความเชี่ยวชาญอย่างมาก เพื่อทำเวลาดีที่สุด และบวกเพิ่มให้ตัวเองอีก 1 คะแนน หลังจากคว้าอันดับ 7 มาครอง 

RADIO OF THE WEEK

“THIS IS REALLY BORING, I SHOULD HAVE BROUGHT MY PILLOW”

“นี่มันน่าเบื่อจริงๆ ผมควรเอาหมอนมาด้วย” แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน กล่าวระหว่างสื่อสารกับวิศวกรผู้ดูแล และหมอนที่อยากได้ คงไม่ได้เอามากันกระแทก แต่เอามานอนพักผ่อน เพราะการแข่งขันไม่ได้สนุกมาก สอดคล้องกับคำกล่าวของ อเล็กซ์ อัลบอน แต่อะไรทำให้นักขับดัตช์กล่าวคำนี้ 

อีโก้ อาจเป็นคำที่ใครก็ตามซึ่งไม่ถูกใจหรือหมั่นไส้แชมป์โลก 3 สมัยอาจคิดว่าเขาไม่รู้จักพ่ายแพ้ แต่ในเมื่อ เวอร์สเตปเปนไม่ใช่คนเดียวที่พูดคำนี้ เพราะทั้ง อเล็กซ์ และ ฮอร์เนอร์ ก็พูดอะไรคล้ายกัน มันจึงกลายเป็นอีกเรื่อง หากอยากได้ใครอีกสักคนที่สนับสนุนแนวคิดของคนเหล่านี้ ซึ่งไม่เคยอยู่ใต้แบรนด์ เร้ดบูลล์ อย่างนั้นลองฟังความเห็นของ แลนซ์ สตรอลล์ ที่สนามนี้แซงคู่แข่งแบบแจ๋วๆ ได้ถึง 2 ครั้งท่ามกลางการจราจรติดขัด เขากล่าวว่า “การแข่งขันที่สนามประเภทนี้มันน่ากลัวนะ เพราะรถแข่งใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น” 

สตรอลล์ กล่าวมันอย่างตรงไปตรงมา และบอกว่า “โมนาโก ก็… พวกเขาควรทำอะไรสักอย่างกับแทร็ค” และเสริมอีกเล็กน้อยว่า ตอนรอบคัดเลือก (ที่ขับแบบตัวใครตัวมัน) ตอนนั้นสนุกดี แต่ในรอบสุดท้ายก็เป็นอีกเรื่อง 

ไม่ว่า เวอร์สเตปเปน หรือ สตรอลล์ และ อัลบอน พวกเขาล้วนเป็นนักขับรุ่นใหม่ อายุไม่มาก และเติบโตมากับการแข่งขันในสถานที่ที่จัดไว้เพื่อแข่งขัน ทั้งโกคาร์ทจนไต่ระดับขึ้นมาฟอร์มูล่า 3 และ 2 สนามแบบสตรีทเซอร์กิตมีไม่มาก จึงคุ้นเคยกับสนามแข่ง มากกว่าเมื่อ 80-90 ปีก่อน ที่ใช้ถนนจริง

หากยังไม่เชื่อเหล่านักขับ ให้ลองมองดูอันดับและเวลาต่อรอบที่เกิดขึ้นในสนามนี้ เพราะ อเล็กซ์ ในอันดับ 9 โดนผู้นำน็อกรอบ แตกต่างจากสนามอื่นที่ทีมรั้งท้ายอันดับ 19-20 ถึงจะกลายเป็นทีมที่ทำเวลา +1 รอบ เพราะปัจจุบัน รถทุกคันมีความเร็วใกล้เคียงกัน เทคโนโลยีใกล้เคียงกัน กฎข้อบังคับที่ทำให้เสมอภาคมากกว่า 2-3 ทศวรรษก่อน 

วิวัฒนาการของมอเตอร์สปอร์ตส์โดยเฉพาะประเภทล้อเปิด ฟอร์มูล่า วัน แตกต่างจากการขับรถล้อปิด ที่อาจวิ่งฝ่าป่าเขาหรือทุ่งกว้างและถนนนอกเมือง ดังนั้นเป็นไปได้ที่นักขับยุคใหม่จะเห็นด้วยกับการแข่งขันในที่ที่ควรอยู่ มากกว่าการลดความเร็วเพื่อซึมซับประวัติศาสตร์ความหลัง และเนื่องจากที่นั่งขนาดจำกัดไม่เกินขนาดตัว พวกเขาจึงไม่สนุกกับการมองดูจากบนเรือยอร์ชหรือชั้นดาดฟ้าของโรงแรม จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาเลิกจากอาชีพนี้ และกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ชม   

ฟอร์มูล่า วัน สนามถัดไป แคนาเดี้ยน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 7-9 มิ.ย. นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง บีอินสปอร์ตส์1 (607)  

แอปพลิเคชัน TrueVisions Now พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ 
สตรีมมิ่งกีฬาสด ระดับโลก มากที่สุดในไทย พร้อมสนุกกับความบันเทิงสุดฮิต ในแอปเดียว!!

สมัครและดูได้แล้ววันนี้ คลิก https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/zrw142fi

#TrueVisionsNow #KingOfSports #ทรูวิชั่นส์นาว #F1 #Formula1 #MonacoGrandprix #ฟอร์มูล่าวัน #โมนาโกกรังด์ปรีซ์  

getty

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial