รีวิวหนัง "DUNE" มหากาพย์ทะเลทรายแห่งโชคชะตา บทกวีไซไฟที่ทั้งงดงามและยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ

รีวิวหนัง "DUNE" มหากาพย์ทะเลทรายแห่งโชคชะตา บทกวีไซไฟที่ทั้งงดงามและยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ
การหยิบนิยายมาสร้างเป็นหนัง ไม่ใช่งานง่าย เพราะจากจินตนาการอันสวยงามของนักอ่าน อาจจะกลายเป็นฝันร้ายไปเลยก็เป็นได้ แต่ก็มีไม่น้อยที่ผู้กำกับฯหลายคน มีการหยิบมาลองของและประสบความสำเร็จให้เห็นมาแล้วคาตา อย่าง “The Lord of the Rings” ที่การันตีด้วยรางวัลออสการ์ยกชุดไปถึง 17 รางวัล

มากันที่นิยายของ “แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต” (Frank Herbert) อย่างเรื่อง “Dune” กันบ้าง ก่อนสร้างหลายคนก็คงคิดว่าไม่ใช่ของง่ายและน่าจะเป็นยาขมด้วยซ้ำสำหรับใครที่คิดจะหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์  แต่เมื่อ “เดอนีส วิลล์เนิฟว์” (Denis Villeneuve) ผู้กำกับชาวแคนาดาที่ฝีมือไม่ธรรมดาหยิบมาทำเป็นหนังไซไฟผจญภัย ประสบความสำเร็จหรือเปล่า ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้ ก็มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้เช่นกัน 


Dune เล่าเรื่อง “พอล อะเทรดิส” (ทีโมธี ชาลาเมต์) อัจฉริยะหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่เกิดมาพร้อมโชคชะตาอันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจ เขาต้องเดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่อันตรายที่สุดในจักรวาลเพื่อความอยู่รอดและอนาคตของครอบครัวรวมถึงผู้คนของเขา หลังถูกรุกรานโดยกองกำลังวายร้ายหน้าเลือดที่หวังแย่งชิงทรัพยากรที่ล้ำค่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งสามารถใช้ดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นของมนุษยชาติออกมาได้ และมีเพียงผู้ที่สามารถเอาชนะความกลัวได้เท่านั้นที่จะอยู่รอดในศึกครั้งนี้

ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์แห่งปี ที่ไม่ดูไม่ได้เป็นอันขาด เพราะขนาดทุนสร้างก็ฟาดไปถึง 165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีการลงทุนไปถ่ายทำ ณ ทะเลทรายจริง ๆ ที่จอร์แดนและสหรัฐฯอาหรับ เอมิเรตส์ อันร้อนระอุ  จัดเป็นหนังโปรดักชั่นดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หลายองค์ประกอบเห็นได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียด การออกแบบดวงดาวต่างๆ ทำได้สมจริง เหมือนเราได้เป็นผู้สังเกตการณ์กลุ่มดาวอันเวิ้งว้างต่างๆได้จริง ความแห้งแล้ง นี่ก็ทำให้กระหายได้เลยนะ ถือว่าทำออกมาได้สมบูรณ์แบบในแง่ของงานสร้าง


ในแง่นักแสดงก็ขนตัวท็อป ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก ที่คุ้นหน้าคุ้นตามาแสดงแทบทั้งแผง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีดีกรีเข้าชิงออสการ์หรือผ่านการเล่นหนังบล็อกบัสเตอร์มาแล้วทั้งนั้น


และแน่นอนนี่ถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในออสการ์ปีนนั้น เพราะ  Dune ที่เข้าชิงรางวัล Oscars ปีนี้มากถึง 10 สาขา ถึงแม้จะไปไม่ถึงรางวัลใหญ่สุด แต่ก็เรียกว่าเก็บรางวัลด้าน ‘เทคนิค’ มาครองแบบไม่แบ่งใครถึง 6 สาขา คือ ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, เสียงยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม


ความยิ่งใหญ่ของ Dune ไม่ได้อยู่ที่ฉากต่อสู้หรือ CG ระเบิดตา มันอยู่ที่ จังหวะและบรรยากาศ ที่ค่อย ๆ ดูดเราเข้าไปในโลกนั้น เสียงลมหายใจของทะเลทราย เสียงขับร้องลึกลับ และสายตาของ “พอล แอทเทรดีส” (Timothée Chalamet) ที่เต็มไปด้วยคำถามต่อชะตากรรม  ทุกอย่างมันเหมือนบทกวีไซไฟที่สวยแต่เจ็บ


งานภาพโดย Greig Fraser สวยระดับ “ทุกเฟรมคือโปสเตอร์” ดนตรีของ Hans Zimmer ที่ไม่ได้แค่ประกอบฉาก แต่ กลืนไปกับลมหายใจของเรื่อง

การเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแต่ค่อย ๆ เปิดทีละชั้น เหมือนเราเดินลึกเข้าไปในทะเลทรายทีละก้าว ถ้าคุณชอบหนังที่ “ดูแล้วรู้สึกเล็กลงต่อจักรวาล”

หรือหนังที่พาเราไปสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์และธรรมชาติ Dune คือประสบการณ์ที่ต้องดูบนจอใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้



รับชมความยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้กันได้ ในวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 20.00 น. ช่อง True Film 1 (222) และที่แอปทรูวิชั่นส์ นาว

สมัครเลย https://tvs-now.onelink.me/QYYp/41c4xi1n


© 2021 Legendary and Warner Bros. Ent. All Rights Reserved.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : TrueVisions Now