The Swift Effect - เทย์เลอร์ สวิฟต์: ระบบของพี่ ไม่ได้มีไว้ให้ล้อเล่น

The Swift Effect - เทย์เลอร์ สวิฟต์: ระบบของพี่ ไม่ได้มีไว้ให้ล้อเล่น
จันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 17.00 และ 21.00 น. – CNBC (781)

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ศิลปินป็อบผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก มีผลงานเพลงฮิตเปิดตัวอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ดชาร์ทมากถึง 12 บทเพลง เป็นเจ้าของ 14 รางวัลแกรมมี่ จากการเข้าชิง 58 ครั้ง และยังคงเดินหน้าสร้างสถิติใหม่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

 

จากเด็กหญิงตัวเล็กวัย 10 ขวบ ที่เกิดแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่หลังรับชมคอนเสิร์ตของ เฟธ ฮิลล์ (Faith Hill) ที่รัฐเพนซิลเวเนีย บ้านเกิดของเธอเอง เทเลอร์ตัดสินใจเรียนกีตาร์และย้ายไปอยู่ตัวคนเดียวที่แนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ในอีก 2 ปีถัดมาเพื่อหาโอกาสในการวิ่งตามความฝันในการเป็นนักร้องคันทรี่

 

ความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวทำให้เธอได้เซ็นสัญญาออกอัลบั้มแรกกับค่าย Big Machine Records ของ สก๊อต บอร์เชตตา (Scott Borchetta) และปล่อยซิงเกิ้ลแรก “Tim McGraw” จากอัลบั้ม “Taylor Swift” ในปี 2006 ทำให้ชื่อของเทย์เลอร์ สวิฟต์ เริ่มกลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่จับตามองในทันที

 

หลังจากนั้นเพียง 2 ปี นักร้องสาวก็ปล่อยอัลบั้มที่สอง “Fearless” ตามมา และกลายเป็นอัลบั้มที่ฮิตถล่มทลาย ติดชาร์ทบิลบอร์ดอันดับหนึ่งยาวนานกว่า 11 สัปดาห์ กวาดรางวัลต่างๆ มากมาย ส่งผลให้แฟนเพลงทั่วโลกรู้จักชื่อของเธอในนฐานะนักร้องคันทรี่หน้าใหม่ของวงการ และทยอยผลิตผลงานเพลงระดับมาสเตอร์พีชออกมาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้ม “Speak Now” กับ “Red” ที่เธอเริ่มเบนเข็มมาทำเพลงป๊อบเอาใจตลาดมากขึ้น ก่อนที่จะสลัดภาพสาวคันทรี่เสียหมดจด กลายเป็นป๊อบสตาร์เต็มตัวในปี 2014 กับอัลบั้มสุดฮิต “1989”

 

หลังปล่อยอัลบั้มที่เต็มไปด้วยเพลงฮิตอย่าง Shake It Off, Blank Space และ Bad Blood ได้ไม่นาน นักร้องสาวก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อกรกับ Spotify สตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ด้วยการลบเพลงทั้งหมดของเธอออกจากแพลทฟอร์ม เนื่องด้วยความไม่เป็นธรรมในค่าตอบแทนที่ได้รับจากเพลงที่ถูกเล่นหลายล้านครั้ง ทำเอาเดือดกันไปทั้งวงการ

 

หนึ่งปีถัดมาเธอได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Apple Music อีกหนึ่งแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ที่หลุดประกาศว่าจะไม่จ่ายค่าตอบแทนให้กับศิลปินในช่วงของการทดลองใช้บริการ 3 เดือน โดยเธอเรียกร้องให้แพลตฟอร์มเคารพศิลปินที่ทุ่มเทพลังในการสร้างสรรค์บทเพลง จนสร้างแรงกดดันให้แอปเปิ้ลยกเลิกนโยบายในที่สุด



ปี 2019 ชื่อของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อเธอออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อการเข้าซื้อกิจการ Big Machine Label Group ของสกู๊ตเตอร์ บราวน์ ในนามบริษัท Ithaca Holdings ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงทั้ง 6 อัลบั้มแรกของเธอไปโดยปริยาย

 

เธอกล่าวหาว่านี่คือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เพราะตัวเธอเองไม่เคยถูกยื่นข้อเสนอให้ซื้อผลงานต้นฉบับของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนสกู๊ตเตอร์ก็โต้กลับว่าเป็นเทย์เลอร์เองต่างหากที่ไม่เคยเดินเข้ามาคุยกับเขาตรงๆ

 

ข้อขัดแย้งดังกล่าวกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างร้อนแรงในกลุ่มแฟนคลับ ตลอดจนถึงศิลปินเบอร์ดังหลายคนที่ออกมาให้ความเห็นเชิงสนับสนุนการต่อสู้ของเทย์เลอร์ ในที่สุดเธอก็ใช้ทางออกด้วยการอัดเพลงทั้ง 6 อัลบั้มใหม่ทั้งหมด ในชื่อ Taylor’s Version เพื่อครอบครองสิทธิ์อันชอบธรรมในบทเพลงของเธอเอง

 

นั่นยังไม่รวมถึงแผนการตลาดชั้นเซียนที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ เช่น การปล่อยอัลบั้ม Folklore ในช่วงที่ทั่วโลกกำลังมืดมนจากการระบาดของโควิด-19 การจำหน่ายอัลบั้มเป็นคอลเลคชั่นโดยมีเพลงพิเศษที่แตกต่างกันเพื่อให้แฟนๆ ได้สะสม จนทั้งแฟนคลับ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ไม่เว้นแม้แต่ศิลปินหลายคนยังต้องยกให้เธอเป็นไอคอนทางด้านความคิดสร้างสรรค์

 

การต่อสู้ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ไม่เพียงสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการสตรีมมิ่งและวงการเพลงระดับโลก แต่ยังทำให้ศิลปินตระหนักถึงสิทธิและค่าตอบแทนที่พวกเขาควรได้รับ เธอพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า “อย่าล้อเล่นกับระบบ” และความศรัทธาที่แฟนเพลงทั่วโลกต่างมอบให้กับเธอ

 

ร่วมวิเคราะห์เจาะลึกถึงกรณีศึกษาการสร้างแบรนด์ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ให้กลายเป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ เป็นผู้ขับเคลื่อนวงการเพลง ภาพยนตร์ แฟชั่น กีฬา การศึกษา และการกุศลผ่านการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อันลึกล้ำ วิสัยทัศน์อันกว้างไกล และความฉลาดหลักแหลมในการมองหาโอกาสทางธุรกิจ ผ่านการสนทนากับผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ สังคม และผู้คร่ำหวอดในวงการบันเทิง ในรายการ The Swift Effect จันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 17.00 และ 21.00 น. ทางช่อง CNBC


 

สแกน QR Code ด้านล่างเพื่อสมัครและรับชม หรือคลิกที่นี่ https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/0rjmf3v1


CNBC

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial