แม้จะทำโลกโซเชียลร้อนระอุกับช็อตตบหน้า “คริส ร็อก” กลางเวทีการประกาศผลรางวัลออสการ์ 2022 หรือ ออสการ์ครั้งที่ 94 ซึ่งช็อตนี้น่าจะเป็นตำนานออสการ์ให้ได้พูดถึงในอีกหลายปี แต่ถึงกระนั้นนักแสดงหนุ่มผู้สร้างตำนาน อย่าง “วิลล์ สมิธ” ก็กลับมายืนบนเวทีอย่างสง่างามอีกครั้ง กับการผงาดขึ้นรับรางวัล Best Actor หรือนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
หลังจากถูกวางให้เป็นตัวเก็งเต็งหนึ่ง จากบท “ริชาร์ด” พ่อของสองนักเทนนิสชื่อดังแห่งยุค “วีนัส-เซเรนา วิลเลียมส์” จากเรื่อง King Richard นั่นเอง
ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของ “วิลล์” หลังจากอกหักกับรางวัลนี้มาถึง 3 ครั้ง จากการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง Six Degrees of Separation, Made in America และ Where the Day Takes You ครั้งนี้ถือว่าเขาทำได้สำเร็จ และแน่นอนว่า การขึ้นรับรางวัลครั้งนี้ ทำให้เขาถึงกับหลั่งน้ำตา

ในส่วนของการแสดง ไม่ต้องลุ้นเลยว่า “วิลล์ สมิธ” สามารถถ่ายทอดความเป็น “ริชาร์ด วิลเลียมส์” และแบกหนังไปตลอดรอดฝั่งได้อย่างน่ารักและน่ารำคาญในคราวเดียวกัน บทความนี้จะพาไปวิเคราะห์ว่า “ทำไม” บทริชาร์ด วิลเลียมส์ ถึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Will Smith คว้ารางวัลนี้ได้สำเร็จ
1) บทที่ลึกซึ้งและซับซ้อนที่สุดในชีวิตการแสดงของ Will Smith ริชาร์ด วิลเลียมส์ ไม่ใช่ตัวละครที่ดีหรือเลวสุดขั้ว แต่เป็น “มนุษย์จริง” ที่มีทั้งความรัก ความกลัว ความดื้อรั้น และความไม่สมบูรณ์แบบ Will Smith ต้องรับบทเป็น พ่อที่เข้มงวด คนผิวดำจากชนชั้นแรงงานที่ต้องต่อสู้กับโครงสร้างสังคม ผู้ชายที่วางแผนอนาคตลูกอย่างหมกมุ่นและผู้นำครอบครัวที่รักลูกแต่บางครั้งก็กดดันจนเกินไปความซับซ้อนนี้เปิดพื้นที่ให้เขาแสดง “อารมณ์หลายชั้น” ทั้งน้ำเสียง แววตา จังหวะการพูด และภาษากาย ซึ่งเป็นสิ่งที่กรรมการออสการ์มักให้ความสำคัญมาก
2) การแสดงที่เปลี่ยนท่าที และใช้ “ภายในตัวละคร” มากกว่าลีลา
หลายบทก่อนหน้านี้ของ Will Smith เช่น Men in Black หรือ I Am Legend อาศัยเสน่ห์และพลังงานเป็นหลัก แต่ใน King Richard เขาเลือก ลดความเป็น “Will Smith” เพื่อกลายเป็น “Richard Williams” จริง ๆ น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ท่าทางเดินที่ช้าลง หนักแน่น สายตาที่สะท้อนความเจ็บปวดปนความหวัง สำเนียงเฉพาะของริชาร์ด การสื่ออารมณ์แม้ในฉากนิ่ง ๆ นี่คือการแสดงแบบ “Character Acting” เต็มรูปแบบ ซึ่งกรรมการมักประทับใจ เพราะเป็นการเปลี่ยนตัวตนของนักแสดงระดับฮอลลีวูดสตาร์ให้หายไปจากจอ

3) เรื่องจริงที่คนอเมริกันผูกพันอย่างลึกซึ้ง เรื่องราวของครอบครัววิลเลียมส์ คือสัญลักษณ์ของ ความฝันแบบอเมริกัน (American Dream) การต่อสู้ของชนชั้นแรงงาน ความก้าวหน้าในวงการกีฬาที่มักถูกผูกขาดโดยคนผิวขาว ครอบครัวผิวดำที่สร้างประวัติศาสตร์ การที่ Will Smith ถ่ายทอดบทบาทนี้ได้อย่างทรงพลังยิ่งทำให้เขา “จับใจคนดู” ได้กว้างขวาง ทั้งคนทั่วไปและสมาชิกออสการ์ที่มักให้รางวัลกับหนังที่สะท้อนสังคมได้ดี
4) เคมีระหว่างนักแสดงและพลังของเรื่องที่ส่งเสริมการแสดง การแสดงของเขาโดดเด่นขึ้นอีกระดับเพราะเคมีที่ลงตัวกับ Aunjanue Ellis (แม่) และเด็กที่เล่นเป็นวีนัส–เซเรนา คาแรกเตอร์ทั้งหมดช่วยทำให้ริชาร์ดดูเป็น “หัวใจของบ้าน” และทำให้ผู้ชมอินกับทั้งข้อดี–ข้อเสียของเขา บทของเขาไม่ได้เด่นเพียงคนเดียว แต่ “ถูกสนับสนุนโดยทีมแสดงแบบมีพลัง” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมให้การแสดงของเขาเป็นภาพรวมที่แข็งแรงมาก

5) จังหวะเวลาที่ใช่ และความสำเร็จที่สะสมมานาน Will Smith เป็นหนึ่งในนักแสดงฮอลลีวูดที่ “คนทั้งอุตสาหกรรมรัก” เขามีชื่อเสียงดี ทำงานหนัก และมีผลงานยืนระยะมานานหลายสิบปีกรรมการออสการ์มักให้ความสำคัญกับนักแสดงที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมมานาน ความสำเร็จที่ถึงเวลา “สุกงอม”
แน่นอนว่า ออสการ์ในปี 2022 น่าจะเป็นที่จดจำไปตลอดชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ “วิลล์ สมิธ” เพราะนอกจากจะสานฝันคว้ารางวัลให้กับตัวเองได้สำเร็จ ยังมีเหตุการณ์ช็อคโลกให้ได้จดจำกันอีก แต่เชื่อเถอะว่าเหตุการที่เกิดขึ้นบนเวที นานวันไปผู้คนก็จะลืมเลือนและเลิกพูดถึง จะมีก็แต่ผลงานอันเลื่องลือนี่แหละที่จะอยู่ตราบนานเท่านาน อย่างน้อย “วิลล์” ก็ได้ขึ้นทำเนียบผู้คว้ารางวัล ซึ่งจะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลออสการ์ของคนรุ่นหลังตราบนานเท่านาน
รับชม King Richard เริ่มสตรีม วันที่ 21 พ.ย.นี้ ที่แอป TrueVisions NOW
© 2021 Warner Bros. Ent. All Rights Reserved
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : TrueVisions Now