คล็อปป์อย่างเซ็งบ๊วยติดคอ ชี้นักเตะหงส์เล่นพลาดเองเยอะ

ลิเวอร์พูล บุกมาเยือน บอร์นมัธ ด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม หลังมีผลงานที่ยอดเยี่ยมในการเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเกมนี้หากว่าพวกเขาบุกมาเก็บ 3 แต้มได้ จะขยับขึ้นไปรั้งอันดับที่ 4 เป็นการชั่วคราว เนื่องจากจะมีแต้มเท่ากับ สเปอร์ส แต่ผลต่างประตูได้เสียของ ลิเวอร์พูล นั้นเหนือกว่า

อย่างไรก็ตาม ผลการแข่งขันไม่ได้เป็นไปตามที่คิด เนื่องจาก บอร์นมัธ ที่กำลังหนีตกชั้นอย่างหนักเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง และเป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 28 จากจังหวะที่ ดังโก้ อูอัตทาร่า กระชากบอลไปถึงสุดเส้นหลังด้านขวา ก่อนผ่านบอลมาที่หน้าประตูและเป็น ฟิลิป บิลลิ่ง กองกลางตัวเก่งแปเน้นๆ เข้าประตูไป และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล พยายามเปิดเกมรุกอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ เนโต้ นายทวารเจ้าถิ่นได้ อีกทั้ง บอร์นมัธ ก็มีเกมโต้กลับที่สวยๆ หลายครั้ง แต่ก็ยังยิงประตูที่สองไม่ได้เช่นกัน จนกระทั่งนาทีที่ 68 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญ เมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้จุดโทษหลังจากที่ ดีโอโก้ โชต้า โหม่งไปโดนแขน อดัม สมิธ แบ็กขวาเจ้าถิ่น ก่อนที่วีเออาร์จะฟ้องว่าเป็นลูกจุดโทษ แต่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลับยิงออกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้หงส์แดงพลาดโอกาสในการตีเสมอ และจบเกมด้วยชัยชนะของ บอร์นมัธ 1-0 ในที่สุด

จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล ยังคงต้องอยู่อันดับที่ 5 ต่อไปตามเดิม จากการมี 42 คะแนนจาก 26 นัด แถมยังต้องตามหลังอันดับ 4 อย่าง สเปอร์ส เพิ่มเป็น 6 แต้ม หลังทีมไก่เดือยทองเปิดบ้านเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไปแบบสบายๆ 3-1 แม้ว่าทีมหงส์แดงจะยังแข่งน้อยกว่า 1 เกมก็ตาม แต่ก็ถือว่าน่าผิดหวัง ขณะที่ บอร์นมัธ หนีจากอันดับบ๊วยขึ้นมาอยู่อันดับที่ 17 หลังมีเพิ่มเป็น 24 แต้มจาก 26 เกม

หลังจบเกม เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์อย่างเซ็งอารมณ์ โดยชี้ว่าน่าผิดหวังที่ไม่ได้อะไรติดมือในเกมนี้ และลูกทีมยังเล่นพลาดมากเกินไป โดยกล่าวว่า "มันไม่เคยเป็นเกมของเราเลย ครึ่งแรกเราครองบอลได้ก็จริง แต่ก็จ่ายบอลผิดพลาดซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องมาเจอกับทีมที่เล่นด้วยความรัดกุมแบบนี้"

"พวกเขาได้โอกาสเล่นเกมโต้กลับอย่างที่ต้องการ มันมีพื้นที่ว่างเกิดขึ้นมากมาย เปิดกว้างมากจริงๆ หลังจากนั้นเราก็ตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมาก เราน่าจะป้องกันในจังหวะนี้ได้ แต่กลายเป็นว่าเราจ่ายบอลแล้วไม่ได้ปิดพื้นที่ว่างที่เกิดขึ้น ผมคงต้องกลับไปดูเหตุการณ์นี้อีกครั้ง"

"เราผ่านบอลได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ได้สร้างความแตกต่างอย่างมากมาย พวกเขามีวิธีเล่นแบบเดิมๆ แต่มันดีพอที่จะประสบความสำเร็จในเกมนี้ เพราะเรามีเกมรับที่ไม่ดีเอาเสียเลย ครึ่งหลังเราเริ่มต้นได้ดี และในเวลาต่อมาก็มาได้จุดโทษ แต่ก็กลับทำพลาดไปอีก หลังจากนั้นกลายเป็นเราที่พยายามสร้างโอกาสแต่ก็ทำได้ไม่มากพอ"

สำหรับ ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมที่หนักอึ้งรออยู่หลังจากนี้ โดยจะเริ่มจากการไปเยือน เรอัล มาดริด ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง ในวันที่ 15 มีนาคม หลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงเบรคทีมชาติ และจะกลับมาเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกในวันที่ 1 เมษายน บุกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ต่อด้วยการเยือน เชลซี ในอีก 3 วันให้หลัง ก่อนจะได้กลับไปเล่นในบ้านรับมือ อาร์เซน่อล ในวันที่ 9 เมษายน