หลัวอวิ๋นซี: ทัศนคติ ศิลปะการใช้ชีวิต และการอุทิศตนเพื่อสังคม

"ทำไมงานเราแต่ละวันมันช่างน่าเบื่อเช่นนี้?"

คำถามที่ก้องอยู่ในใจฉันมานับเดือน ท่ามกลางการทำงานที่ไร้ทิศทาง ไร้ซึ่งคุณค่า และความเบื่อหน่ายที่กัดกินจิตวิญญาณ แรงกดดันจากรอบด้านโอบล้อมทุกสิ่งให้หดหู่ ไร้พลัง ไร้ความหวัง ไร้อนาคต

จะมีหนทางใดนะ ที่จะปลดพันธนาการแห่งพลังลบ จุดประกายไฟในใจให้ลุกโชนได้อีกครั้ง

แล้วคำตอบก็มาถึงในเช้าวันหนึ่ง "พี่อยากให้คุณลองเขียนเรื่องของหลัวอวิ๋นซี" ข้อความจากหัวหน้าปรากฏขึ้นในช่องแชท "พี่เชื่อว่ามีประเด็นน่าสนใจที่เรานำมาใช้ได้" 

ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หลัวอวิ๋นซีมีอะไรพิเศษนัก ทำไมหัวหน้าถึงจริงจังกับเรื่องนี้ ด้วยความใคร่รู้ ฉันดำดิ่งสู่โลกของนักแสดงหนุ่มผู้เป็นเจ้าของ 3 คาแรคเตอร์อันแตกต่างในซีรีส์ "Till the End of the Moon" ทันที โดยไม่ทันได้คาดคิดว่าการค้นหาข้อมูลครั้งนี้ จะพลิกผันกลายเป็นประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น แปลกใหม่ และผลักดันให้ฉันก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน (Comfort Zone) ของตัวเอง

แรกเริ่มเดิมที ฉันรู้จักหลัวอวิ๋นซีเพียงผิวเผิน เขาก็เป็นดาราหนุ่มชื่อดังคนนึงที่มีแฟนคลับมากมาย แถมแอบคิดไปเองว่าเขาคงเป็นเพียงหนึ่งในดาราหน้าตาดีหลายคนที่เข้ามาในวงการด้วยเส้นสาย หรือเพราะเป็นลูกหลานของผู้มีอิทธิพล ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในโลกมายา

แต่หลัวอวิ๋นซีได้พิสูจน์ให้เห็นว่าฉันคิดผิดถนัด!

หลัวอวิ๋นซี ดาราเจ้าบทบาทจากซีรีส์ฮิต จันทราอัสดง ภาพ: Weibo

เขาไม่ได้เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทอง แต่เติบโตในครอบครัวธรรมดาที่เฉิงตู บิดาเป็นครูสอนเต้น ห่างไกลจากวงการบันเทิงอย่างสิ้นเชิง ชีวิตในวัยเด็กของเขาปราศจากการวิ่งเล่นซุกซนเฉกเช่นเด็กทั่วไป เพราะถูกฝึกบัลเลต์อย่างเข้มข้นตั้งแต่เด็กก่อนจะก้าวเข้าสู่สถาบันศิลปะชั้นนำของจีน

ความอดทนจากการฝึกฝนอันเคร่งครัด ได้หล่อหลอมทัศนคติแห่ง "การเอาชนะ" ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค กลายเป็นคุณลักษณะ "นักสู้" ที่พร้อมเผชิญหน้ากับทุกปัญหา

แม้ส่วนสูงจะกลายเป็นข้อจำกัดในการเป็นนักเต้น แม้ผลงานเพลงกับเพื่อนที่ทำช่วงเริ่มต้นเส้นทางบันเทิงจะไม่เปรี้ยงปร้าง หรือแม้จะถูกวิจารณ์ว่าไม่มีทักษะทางด้านการแสดงมาก่อน แต่ชายหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยเลือดนักสู้คนนี้ไม่เคยท้อถอย เขายืนหยัด พัฒนา และปรับปรุงข้อบกพร่อง ผลักดันตัวเองก้าวไปข้างหน้า จนประสบความสำเร็จอย่างงดงามตราบจนทุกวันนี้

นอกจากนั้นหลัวอวิ๋นซียังเฉิดฉายในความเป็นอัจฉริยะด้านดนตรีอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายประเภท แถมเล่นได้ดีและชำนาญมาก โดยเฉพาะเปียโนคลาสสิกที่เคยแสดงฝีมือการเล่นให้ทุกคนได้สัมผัส และกีตาร์ที่ฝึกเล่นอย่างจริงจังทุกโน้ต ตั้งแต่พื้นฐานเริ่มต้นเพื่อให้การวางมือ การดีด และการถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงออกมาได้น่าประทับใจ อีกทั้งเขายังเคยแต่งเพลงลงในเกม O2Jam เกมประเภท Rhythm Capture ชื่อดังหลายต่อหลายเพลงด้วยตัวเอง จนเป็นที่ยอมรับและยกย่องในกลุ่มของเหล่าเกมเมอร์

สำหรับหลัวอวิ๋นซีแล้วการมีชื่อเสียงโด่งดังไม่ได้เป็นการการันตีว่ามันจะคงอยู่ตลอดไป เขามองเห็นและมองไกลไปกว่านั้น ชายหนุ่มเริ่มศึกษาเรื่องของการลงทุน กระจายรายได้ โดยเข้าไปลงทุนในหุ้นของสื่อหลายช่อง เปิดบริษัทต้นสังกัดของตัวเอง (LYX Studio) ร่วมลงทุนในซีรีส์ระดับ S+ ก่อตั้งบริษัทเกมส์ ลงเสียงตัวละครในเกม และยังทำหน้าที่เป็นกรรมการให้กับการแข่งขันอีสปอร์ต (Esports) อยู่หลายครั้ง เป็นบทพิสูจน์ว่าชื่อเสียงของเขาในวงการเกมก็โด่งดังไม่ต่างไปจากวงการโทรทัศน์

การเล่นดนตรีคือสิ่งที่เขาโปรดปราน โดยเฉพาะกีตาร์ที่ฝึกเล่นด้วยตัวเอง ภาพ: Weibo

นอกเหนือจากความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง และความรับผิดชอบต่อคุณภาพของงานทุกชิ้นแล้ว หลัวอวิ๋นซียังเป็นที่กล่าวขานในเรื่องการรักษาสมดุลระหว่างเวลางานและชีวิตส่วนตัวได้อย่างดีเยี่ยม เขารู้ว่ายามทำงานต้องทุ่มเทเต็มที่ และยามพักผ่อนก็ต้องผ่อนคลายเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง สิ่งเหล่านี้มักถูกละเลยในยุคปัจจุบัน จนความเครียดจากการทำงานเร่งรีบสะสมโดยไม่รู้ตัว ก่อให้เกิดภาวะเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ

ที่สำคัญการหมั่นใส่ใจความรู้สึกของผู้คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนสนิท หรือแฟนคลับ พร้อมทั้งปณิธานอันแรงกล้าที่จะอุทิศตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน ซึ่งเขาก็แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขารักษาคำสัตย์และปฏิบัติได้จริง

อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกชื่นชมเป็นพิเศษ คือความซื่อตรงต่อตัวเอง และไม่กลัวที่จะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ไม่มายา ไม่ใส่หน้ากาก ไม่ว่าจะกับเพื่อนร่วมงาน คนรอบข้าง หรือแม้แต่แฟนคลับบางคนที่พยายามล่วงล้ำขอบเขตความเป็นส่วนตัว ฉันจำได้ว่าเขาเคยบอกแฟนคลับ “ไม่ว่าในจอหรือนอกจอ ผมก็เป็นผมคนเดิมคนนี้” เพียงคุณสมบัติข้อนี้ก็ทำให้ดาราหลายคนไม่อาจเทียบเคียงได้

เมื่อมีเสียงสรรเสริญ ย่อมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลัวอวิ๋นซีเองก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้ 

หลายคน รวมถึงตัวฉันเอง บ่อยครั้งก็อดหงุดหงิดใจไม่ได้เมื่อได้ยินถ้อยคำบาดหูจำพวกนั้น แต่สำหรับหลัวอวิ๋นซีนอกจากเขาจะไม่เสียเวลาใส่ใจกับเสียงเหล่านั้นแล้ว เขายังมักเตือนสติทุกคนว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์

"หนึ่ง อย่าไปกลัวคำวิจารณ์ สอง อย่าไปใส่ใจคำเยาะเย้ยถากถาง" คติเตือนใจที่เขายึดถือช่างซื่อตรงและศักดิ์สิทธิ์เสมอ เพราะการถูกวิจารณ์อย่างมีเหตุผล แสดงว่าเรายังมีข้อบกพร่องที่ต้องพัฒนาและปรับปรุง เราควรรู้สึกขอบคุณพวกเขาเสียอีกที่เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนตัวเราตามความเป็นจริง ส่วนคำเยาะเย้ยถากถางนั้น จงมองให้เหมือนลมบางเบาที่พัดผ่าน ยิ่งเราใส่ใจก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่กำลังต้านแรงลม ไม่ช้ากิ่งก้านก็ต้องหักโค่น ใครกันเล่าที่เป็นทุกข์? ตัวเรา หรือเขาคนอื่น?

อีกหนึ่งกิจกรรมยามว่าง หลัวอวิ๋นซีมักพกกล้องคู่กายไว้เก็บภาพแห่งความประทับใจไว้เสมอๆ ภาพ: Weibo

การตามรอยเส้นทางชีวิตของหลัวอวิ๋นซีเพื่อเขียนบทความนี้ ได้ช่วยให้ฉันหยุดใคร่ครวญ พินิจ และวิเคราะห์ตัวเองเป็นระยะ ฉันค่อยๆ ค้นหาจุดบกพร่องของตัวเอง ได้เพ่งมองปัญหาตรงหน้าด้วยมุมมองใหม่ๆ และได้รับแง่คิดมากมายในการใช้ชีวิตอย่างไม่คาดฝัน นี่เองคือพลังบวกอันมหาศาลที่หัวหน้าเคยสัมผัส และได้ส่งต่อมาสู่ฉัน ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยที่สุดพลังอันมหัศจรรย์นี้สามารถจุดประกายชีวิตให้ฉันได้ และฉันก็พร้อมที่จะแบ่งปันให้กับผู้คนรอบข้างที่ต้องการเช่นกัน

การได้รู้จักกับหลัวอวิ๋นซี ไม่ได้ทำให้ฉันชื่นชอบเขามากขึ้นในฐานะแฟนคลับ หากแต่รู้สึกอบอุ่นเหมือนได้เห็นเพื่อนคนหนึ่งที่เติบโตไปพร้อมกัน เพื่อนผู้สู้อดทนเดินทางตามล่าความฝันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนวันนี้เพื่อนคนนั้นประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นดวงดาวที่สุกใสส่องเป็นประกายอยู่กลางจักรวาลอันไกลโพ้น แต่เขาไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นใคร ไม่เคยมีเวลาไหนที่ไม่ซื่อตรงต่อทั้งคนรอบข้างและตัวเอง และนั่นคือความรู้สึกตื้นตันและภูมิใจที่ฉันได้เห็นเขาเป็นเขาอย่างทุกวันนี้

แน่นอนแล้วว่าหลัวอวิ๋นซีไม่ได้เป็นเพียงดารานักร้องที่มีชื่อเสียงเท่านั้น ทุกวันนี้เขาคือ "ไอคอน" หรือบุคคลต้นแบบที่มีทัศนคติและศิลปะในการใช้ชีวิตที่น่ายกย่อง คำกล่าวที่แฟนๆ ต่างยกย่องว่า "หลัวที่ดีคือหลัวอวิ๋นซี" นั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยแม้แต่น้อย 

ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ หลัวอวิ๋นซีจะอายุครบ 37 ปี ฉันหวังว่าเขาจะยังคงเปี่ยมด้วยพลังในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ มอบแง่คิดในการใช้ชีวิตให้เราทุกคนได้นำไปปรับใช้ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เดินตามรอยเท้าต่อไปอีกนานแสนนาน

ดาวน์โหลดบทความในรูปแบบแม็กกาซีนและฟังบทความเสียงได้ที่ลิงค์ด้านล่าง