ดอร์ทมุนด์รับมือเรือใบสีฟ้า มีโอกาสกอดคอกันเข้ารอบสูง

พรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ แมนฯ ซิตี้
สนาม : ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค
เวลา : 02:00 น. วันพุธที่ 26 กันยายน 2565 (แข่งคืนวันอังคาร) (beIN Sports 1 ช่อง 607)

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ทีมเสือเหลืองมีผลงานในฤดูกาลนี้ยังไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก ออกแนวลุ่มๆ ดอนๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โดยในช่วงก่อนหน้านี้เคยแพ้ 3 จาก 4 เกมในทุกรายการ อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังถือว่าฟอร์มเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น หลังจากที่ 6 เกมหลังสุดพวกเขาแพ้แค่เกมเดียว ชนะ 3 และเสมอ 2 นอกจากนี้ยังชนะมา 2 เกมติดต่อกันแล้วในทุกรายการ โดยผลงานในเกมล่าสุดคือการถล่ม สตุ๊ตการ์ท ไปขาดลอย 5-0 ในเกมบุนเดสลีกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขารั้งอยู่อันดับที่ 5 ของตาราง มี 19 แต้มจาก 11 เกม ตามหลังจ่าฝูงอย่าง อูนิโอน เบอร์ลิน อยู่แค่ 4 แต้ม และตามอันดับ 4 อย่าง ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต แค่คะแนนเดียว ส่วนผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก เกมล่าสุด คือการเสมอกับ เซบีย่า 1-1 ทำให้เก็บไปแล้ว 7 แต้มจาก 4 เกม เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มอยู่ในเวลานี้

ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น ดอร์ทมุนด์ ยังมีปัญหานักเตะบาดเจ็บอยู่หลายราย โดยเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มาเตอู โมเรย์, เจมี่ ไบโน-กิทเท่นส์, ลูก้า อุนเบฮอห์น, มาร์โค รอยส์ และ โตม่าส์ เมอนิเย่ร์ ที่บาดเจ็บทั้งหมด ขณะที่ ซาลีห์ ออซชาน ติดโทษแบน ทำให้การจัดตัวในเกมนี้น่าจะยังเป็นตัวเดิมๆ จากเกมนัดล่าสุด โดยเกมรุกจะฝากความหวังไว้ที่ ยูสซูฟา มูโกโก้, จีโอ เรย์น่า, ยูเลี่ยน บรันด์ท และ คาริม อเดเยมี่

แมนฯ ซิตี้
หลังจากพลาดท่าแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 0-1 ในเกมพรีเมียร์ลีก ล่าสุด จนทำให้ถูกหยุดสถิติไร้พ่ายในฤดูกาลนี้เอาไว้ได้ ล่าสุด แมนฯ ซิตี้ ก็เรียกฟอร์มกลับมาได้อย่างรวดเร็วในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อจัดการเปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน ไปได้แบบสบาย 3-1 ส่งผลให้ตอนนี้ตามหลังจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล เพียง 2 แต้มจากการลงเล่น 11 เกมเท่ากัน เรียกได้ว่ายังมีลุ้นแชมป์ลีกอยู่แบบเต็มๆ และทำให้สถิติในการลงเล่นฤดูกาลนี้ของ ซิตี้ ยังคงยอดเยี่ยม เมื่อลงสนามไปแล้ว 15 เกมรวมทุกรายการ พวกเขาแพ้แค่เกมเดียว เสมอ 3 และชนะได้ถึง 11 เกม ส่วนผลงานใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ราบรื่นสุดๆ หลังชนะ 3 เสมอ 1 จาก 4 เกมที่ผ่านมา เก็บไปแล้ว 10 แต้ม นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มแบบชิลๆ ทิ้งอันดับ 2 อย่าง ดอร์ทมุนด์ อยู่ 3 คะแนน

ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น แมนฯ ซิตี้ ถือว่ามีทีมที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เนื่องจากจะไม่มีแค่ คาลวิน ฟิลลิปส์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ เท่านั้นที่ยังบาดเจ็บทั้งหมดตามเดิม ที่เหลือไม่มีปัญหา ฟิตสมบูรณ์พร้อมลงสนาม โดยเกมรุกจะมี เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เป็นตัวความหวังสูงสุดเหมือนเดิม หลังระเบิดฟอร์มยิงไปแล้ว 22 ประตูจากการลงสนามเพียง 15 เกมในทุกรายการ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : เกรกอร์ โคเบล : นิคลาส ซือเล่อ, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค, ราฟาเอล เกร์เรยโร่ : จู๊ด เบลลิ่งแฮม, เอ็มเร่ ชาน : คาริม อเดเยมี่, ยูเลี่ยน บรันด์ท, จีโอ เรย์น่า : ยูสซูฟา มูโกโก้

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส : มานูเอล อาคานจี, รูเบน ดิอาส, เอมเมอริก ลาปอร์กต์, ชูเอา กันเซโล่ : เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดอาน : แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, ฟิล โฟเด้น

ความน่าจะเป็น : เป็นการเจอกันระหว่างทีมที่ทำผลงานดีที่สุดในกลุ่ม โดยเกมนี้ถ้า แมนฯ ซิตี้ ชนะ ก็น่าจะการันตีเข้ารอบได้ทันที เช่นเดียวกับ ดอร์ทมุนด์ ถ้ามีแต้มหรือชนะได้ ก็มีสิทธิ์กอดคอ แมนฯ ซิตี้ เข้ารอบได้ทั้งคู่เช่นกัน หากว่าผลอีกคู่ระหว่าง เซบีย่า และ โคเปนเฮเก้น ออกเสมอ นั่นทำให้เกมนี้น่าจะเป็นการเล่นแบบประคองตัว ดอร์ทมุนด์ ได้แค่ผลเสมอเป็นอย่างน้อยก็น่าจะพอใจ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่จำเป็นต้องออกแรงมาก และเก็บแรงเอาไว้ไปเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกดีกว่า

สกอร์ที่คาด : โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1