นอร์ริส นำม้วนเดียวจบ พา แม็คลาเรน คว้าแชมป์ทีม

ลันโด นอร์ริส คว้าแชมป์ ฟอร์มูล่า วัน อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา และคว้าแชมป์เภททีมผู้สร้างเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1998 รักษาตำแหน่งสำเร็จ แม้ เฟอร์รารี่ คาร์ลอส ไซนซ์ และ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ ตามมาในอันดับ 2 และ 3 ก็ไม่พอ คว้าอันดับ 2 ในประเภททีม 

เริ่มรอบแรกที่ ยาส มารีน่า เซอร์กิต ทันทีที่ออกตัว ลันโด นอร์ริส ขึ้นนำห่าง แต่ แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน เบียดกับ ออสการ์ ปิอัสตรี แต่รถของ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ยังไปต่อ ส่วนรถแม็คลาเรนตกไปอันดับสุดท้าย จากนั้นในรอบถัดมา เซอร์จิโอ เปเรซ จอดรถ ออกจากการแข่งขัน เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุโดน วัลต์เตรี่ บ็อททาส เฉี่ยวและ บ็อททาส โดนปรับโทษ 10 วินาที 

รอบที่ 3 จาก 58 รอบ ผู้นำยังเป็น นอร์ริส ตามด้วย คาร์ลอส ไซนซ์ และ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ อีกหนึ่งจาก เฟอร์รารี่ ทำอันดับจาก 19 ขึ้นมาในอันดับ 10 ส่วน เวอร์สเตปเปน ที่เกิดอุบัติเหตุร่วงจากอันดับ 4 ไปอันดับ 10 และโดนฝ่ายควบคุมการแข่งขันปรับเวลา 10 วินาที โดยหากจบแบบนี้ แม็คลาเรน ยังสามารถคว้าแชมป์โลกประเภททีมได้ 

อีก 2 รอบต่อจากนั้น ปิอัสตรี เข้าพิตเปลี่ยนยางและมีการปรับรถที่เสียหาย เพราะในรอบก่อนหน้าเพิ่งเฉี่ยวรถ ฟรังโก้ โคลาปินโต จนยางแตก ในที่สุดก็มีการประกาศโทษ 10 วินาที แต่เมื่อผ่านไป 1 ใน 3 ของจำนวนรอบ ปอัสตรี ก็ขึ้นมาไกลที่อันดับ 13 ส่วนหัวแถวยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ เลอแกลร์ ก็ขยับขึ้นมาถึงอันดับ 4 แล้ว 

ผ่านไปครึ่งทาง นอร์ริส ยังนำ ตามด้วย ไซนซ์ และ เลอแกลร์ ตอนนั้นเอง บ็อททาส และ เควิน แม็กนุสเซน เกิดอุบัติเหตุชนกัน ทำให้ บ็อททาส ออกจากการแข่งขันโดยไม่สามารถเก็บแต้มได้เลย ตลอดฤดูกาลนี้ 

เข้าสู่ 3 รอบสุดท้ายสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ใน 5 อันดับ แรก นอร์ริส เป็นผู้นำ เฟอร์รารี่ ทั้งสองคัน และ เมอร์ซิเดส จอร์จ รัสเซลล์ และ ลูอิส แฮมิลตันตามมาในอันดับ 4 และ 5 แต่ในรอบสุดท้าย เลียม ลอว์สัน ต้องหลบหาที่จอดรถ ออกจากการแข่งขัน และ แฮมิลตัน แซงหน้า รัสเซลล์ เข้าเส้นชัย ส่วน ปิอัสตรี จบในอันดับ 10 ได้ 1 คะแนน