เชลซีไม่สนดึง เดอ บรอยน์ กลับถิ่นเก่าอีกครั้งซัมเมอร์นี้

เดอ บรอยน์ เพิ่งยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่่ผ่านมาว่า เขาจะอำลา แมนฯ ซิตี้ หลังสัญญาหมดลงในช่วงจบฤดูกาลนี้ สิ้นสุดช่วงเวลาค้าแข้งในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ยาวนาน 10 ปีเต็ม พร้อมกับพาทีมประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการสำคัญมาครองได้อย่างมากมาย

อย่างไรก็ตาม กองกลางวัย 33 ปี กลับให้สัมภาษณ์ไว้น่าสนใจ ด้วยการเผยว่าเขายังไม่ได้ปิดโอกาสในการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกต่อ หากว่ามีทีมไหนที่ยื่นข้อเสนอพร้อมกับแผนงานที่ดีเข้ามาให้พิจารณา เนื่องจากครอบครัวของเขามีความสุขดีกับชีวิตในประเทศอังกฤษ นั่นทำให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่ เชลซี อาจจะดึงตัว เดอ บรอยน์ กลับไปร่วมทีมอีกครั้ง หลังเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยเป็นดาวรุ่ง แต่กองกลางเบลเยียมไม่อาจผลักดันตัวเองขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ในยุคที่มี โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมได้

อย่างไรก็ดี โอกาสที่แฟนเชลซีจะได้เห็น เดอ บรอยน์ กลับมาสวมเสื้อสิงห์บลูส์อีกครั้งน่าจะเป็นไปได้ยากแล้ว เมื่อล่าสุด รายงานจาก เดอะ เทเลกราฟ สื่อเบอร์ต้นๆ ของอังกฤษระบุว่า เชลซี ไม่สนใจที่จะดึงตัว เดอ บรอยน์ กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง เนื่องจากทีมมีนโยบายการเสริมทีมที่เน้นไปที่ผู้เล่นอายุน้อยเป็นหลัก เพื่อการสร้างทีมในระยะยาว

สำหรับ เดอ บรอยน์ สมัยที่ยังเป็นดาวรุ่งอายุเพียง 21 ปีย้ายจาก เกงค์ มาอยู่กับ เชลซี เมื่อเดือนมกราคมปี 2012 ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ หรือราว 312 ล้านบาท แต่ย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในช่วงซัมเมอร์ปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวกลับไม่ประสบความสำเร็จกับ เชลซี หลังได้ลงเล่นให้ทีมสิงห์บลูส์ไปเพียง 9 นัดเท่านั้น

ทำให้ถูก โวล์ฟสบวร์ก คว้าตัวไปร่วมทีมในเดือนมกราคมปี 2014 ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ หรือราว 803 ล้านบาท และ เดอ บรอยน์ ก็ได้แจ้งเกิดเต็มตัวกับการเล่นในถิ่น โฟล์คสวาเก้น อารีน่า ก่อนจะถูก แมนฯ ซิตี้ คว้าตัวมาร่วมทีมด้วยราคาเป็นสถิติสโมสรในเวลานั้นที่ 55 ล้านปอนด์ หรือราว 2,453 ล้านบาท ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 และกลายเป็นตำนานของทีมเรือใบสีฟ้าในที่สุด ทำสถิติลงเล่นไป 417 นัดในทุกรายการ ยิงไป 107 ประตูกับอีก 177 แอสซิสต์