เอ็นโดไม่ซีเรียสได้ลงสนามน้อย เชื่อยังมีโอกาสกับลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เมื่อ อาร์เน่อ สลอต เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่แทนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่อำลาทีมไป และนั่นทำให้โอกาสในการลงสนามของนักเตะบางคนน้อยลง ซึ่งนั่นรวมไปถึง วาตารุ เอ็นโด ด้วย ที่จนถึงตอนนี้เพิ่งจะได้ลงสนามให้ทีมหงส์แดงในฤดูกาลนี้ไปแค่ 1 นาทีเท่านั้น หลังถูกเปลี่ยนลงสนามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 เกมที่เหลือ เอ็นโด ไม่มีโอกาสได้ลงสนาม

อย่างไรก็ตาม กองกลางวัย 31 ปี ได้เปิดเผยว่าเขาไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใดที่เพิ่่งจะได้ลงสนามไปเพียงน้อยนิดให้กับ ลิเวอร์พูล และเชื่อว่ายังมีเกมที่จะให้ได้ลงสนามอีกมากต่อจากนี้ และเขาจะทำตัวให้พร้อมเต็มที่เมื่อโอกาสมาถึง ซึ่ง เอ็นโด ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "หลังจากผ่านพ้นช่วงเบรกทีมชาติแล้ว ก็จะมีเกมให้ได้ลงเล่นติดต่อกันหลายนัด ดังนั้นผมเชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ผมก็จะได้รับโอกาสมากขึ้นตามลำดับ เพราะในเมื่อมีโปรแกรมต้องลงสนามหลายเกม คุณไม่มีทางใช้นักเตะแค่ 11 คนไปได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว และผมก็มั่นใจว่าจะมีโอกาสได้ลงสนามบ้างแน่นอน"

"ผมไม่มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายและซ้อมได้ดี ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย (การไม่ได้ลงสนาม) ด้วยอายุของผมนั้นถือว่ามีประสบการณ์ระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นการทำตัวให้พร้อมที่จะลงเล่นอยู่เสมอจึงไม่ใช่ปัญหา ผมคิดว่าจะสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีกับทีมชาติ ในการเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในช่วงเดือนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการซ้อมให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อม"

สำหรับ วาตารุ เอ็นโด นั้นย้ายจาก สตุ๊ตการ์ท มาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในช่วงปลายของตลาดนักเตะช่วงหน้าร้อน ในเดือนสิงหาคมปี 2023 ด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ (ราว 708 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าเป็นการซื้อเพื่อเข้ามาขัดตาทัพเท่านั้น หลังทีมหงส์แดงพลาดคว้าตัวทั้ง มอยเซส ไกเซโด้ และ โรเมโอ ลาเวีย ที่เลือกย้ายไปเล่นให้ เชลซี ทั้งหมด

แต่อย่างไรก็ตาม เอ็นโด สามารถโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ และเป็นตัวหลักภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อยู่ช่วงหนึ่งเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกไปถึง 29 เกมและถ้านับรวมทุกรายการ เอ็นโด ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ไปถึง 43 เกมรวมทุกถ้วยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และทำไป 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ และมีส่วนช่วยให้ทีมหงส์แดงคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ มาครองได้เมื่อปีที่แล้ว