เป๊ปชี้ยังไงแรชฟอร์ดก็ล้ำหน้า แต่ก็รู้ดีว่าเกมนี้เล่นที่ไหน

เกมที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งแรกทั้งสองฝ่ายยังมีเกมที่สูสีกัน แต่เป็นทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำได้ดีกว่าในเรื่องของการสร้างโอกาสจบสกอร์ หลังเกือบได้ประตูขึ้นนำก่อนหลายครั้งจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด จากนั้นในครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ ปรับจังหวะการเล่นให้เร็วขึ้น ก่อนจะออกนำได้ก่อน 1-0 จากการโหม่งของตัวสำรองที่เพิ่งลงมาอย่าง แจ็ค กรีลิช

อย่างไรก็ตาม จุดพลิกผันก็เกิดขึ้นในนาทีที่ 78 เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอได้ 1-1 จากจังหวะที่ กาเซมิโร่ แทงบอลทะลุช่อง และเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าพยายามวิ่งเข้าหาบอล ซึ่งดูเหมือนว่าเกือบจะเข้าไปเล่นกับบอลแล้ว แต่กองหน้าทีมชาติอังกฤษสังเกตเห็นว่ามี บรูโน่ แฟร์นันด์ส แลบขึ้นมาด้านซ้ายมือ จึงปล่อยให้เพื่อนเข้ามารับช่วงแทน ก่อนที่ บรูโน่ จะยิงผ่านมือ เอแดร์ซอน เข้าประตูไป

ในทีแรกผู้ช่วยผู้ตัดสินได้ยกธงเป็นลูกล้ำหน้า แต่เมื่อทีมงานวีเออาร์ได้ตรวจสอบ กลับบอกว่าไม่เป็นลูกล้ำหน้า และให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูตีเสมอในที่สุด ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับ กวาร์ดิโอล่า เป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากเสียประตูดังกล่าว โมเมนตัมก็เหวี่ยงไปอยู่กับทีมปีศาจแดง ก่อนที่จะใช้เวลาอีกเพียง 4 นาที พลิกแซง 2-1 จากลูกโต้กลับและเป็น อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่จ่ายให้ แรชฟอร์ด ยิงจ่อๆ หน้าประตูเข้าไป ก่อนที่จะจบเกมด้วยชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในที่สุด

หลังเกมนัดดังกล่าว กวาร์ดิโอล่า ได้ให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า ในความเห็นของเขานั้นยังไงประตูของ แรชฟอร์ด ก็ต้องล้ำหน้า เนื่องจากมีส่วนร่วมกับการเล่นอย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า "นี่เป็นเกมที่ดี ผมคิดว่าเราเล่นได้ดี แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกได้ยอดเยี่ยมมาก ผมขอแสดงความยินดีกับพวกเขาด้วย (กับชัยชนะ) ผมภูมิใจที่มาเล่นที่นี่ด้วยคาแรคเตอร์แบบนี้ พวกเขาลงโทษเราได้จากการเปลี่ยนเกมรับให้เป็นรุก"

"มาร์คัส แรชฟอร์ด ล้ำหน้าแน่นอน ส่วน บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ที่ผมบอกว่า แรชฟอร์ด ล้ำหน้านั้นก็เพราะว่าเขาทำให้ผู้รักษาประตูและกองหลังของเราเสียสมาธิ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น เรารู้ว่าเราเล่นได้ดีแค่ไหนในเกมนี้ และผมก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ตัดสินเมื่อต้องมาตัดสินเกมในสนามแห่งนี้"