เส้นทางแชมป์ของ เลอแกลร์ เฟอร์รารี่ ทำเบรกแตกไปกี่คะแนน

เบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์ กำลังจะเริ่มต้นหลังจาก ฟอร์มูล่า วัน เบรกฤดูร้อน 1 เดือน ช่วงพักผ่อนใครๆ ก็พักใจ แต่สำหรับ เฟอร์รารี่ และ ชาร์ลส์ เลอแกลร์ พวกเขามีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดมากมาย เพราะไม่ได้จบการแข่งขันที่ฮังการีอย่างราบรื่น และทำให้ช่องว่างคะแนนเพิ่มเป็น 80 คะแนนตามหลัง แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน 

ว่ากันตามตรง ส่วนลึกในใจ เฟอร์รารี่ คงหวังให้นักขับดัตช์ พลาดท่าไม่มีแต้มสัก 2 สนาม แต่ เลอแกลร์ ต้องได้แชมป์ เพื่อปิดช่องว่าง เพื่อให้เรซที่เหลือดูน่าสนุกกว่านี้ หรือให้การลุ้นแชมป์ประเภทเดี่ยวใกล้เคียงกว่านี้ หรือยังพอมีเวลาที่จะแก้ไขความผิดพลาด ความเป็นมืออาชีพของทีมระดับลุ้นแชมป์ของทีมที่เป็นทีมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งวงการซึ่งยังไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกเก่าๆ 

ย้อนหลังกลับไปที่ ฮังการอริง หลังจบรอบคัดเลือก เชื่อได้เลยว่าไฟฝันของสาวก “ม้าลำพอง” ลุกโชน พวกเขาอยากเห็นตำแหน่งแชมป์ 1-2 บนโพเดียมสวมเสื้อสีแดง ในโอกาสที่แชมป์โลกสมัยล่าสุดประสบปัญหา จะออกสตาร์ทวันรุ่งขึ้นด้วยอันดับ 10 แต่อันดับไม่สำคัญเท่ากลยุทธ เมื่อ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ตั้งเป้าเป็นมั่นเหมาะว่าจะไต่อันดับขึ้นไปด้วยยางซอฟต์และมีเดียม เนื่องจากอันดับตามหลัง ช่วงแรกจึงต้องใช้ยางทำความเร็ว 

ขณะที่ เฟอร์รารี่ กับนักขับหัวแถวออกสตาร์ทด้วยยางมีเดียม แม้โดน จอร์จ รัสเซลล์ ออกตัวนำ แต่ก็เอาตำแหน่งคืนมาได้สำเร็จ จนถึงรอบที่ 40 กับอันดับที่ร่วงหล่นลงมา มีทางเลือกระหว่างใช้มีเดียมเหมือนเดิม เอาความสดใหม่สู้ใน 4-5 รอบถัดมา หรือจะลองเสี่ยงด้วยยางซอฟต์ไปเลย แต่การตัดสินใจของทีมชวนให้งงกับยางฮาร์ด ขอบสีเทา ซึ่งพอออกจากพิตก็เจอ เวอร์สเตปเปน ไล่หลัง และโดนแซงไปได้

วินาทีที่แชมป์โลกชาวดัตช์พารถหมุน 360 องศา เลอแกลร์ ใช้จังหวะแซงกลับขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้เพราะสภาพยางหรืออย่างไร เขาไม่สามารถรักษาตำแหน่งได้นาน และเจอคำสั่งให้เขาพิตอีกครั้ง กลับมาออกมาด้วยยางซอฟต์ ต้องอยู่ข้างหลัง เซอร์จิโอ เปเรซ ในอันดับ 6 และจบลงที่ตำแหน่งนั้นอย่างน่าผิดหวัง 

มัตเตีย บิน็อตโต้ ทีมบอสบอกว่า “รถไม่ได้ทำงานดีอย่างที่คาดหวัง เราจะใช้เวลา 2-3 วันวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น” ซึ่งในความเป็นจริง การตกผลึกความคิดกับ 80 คะแนนนั้นควรใช้เวลานานกว่านั้น 

สแปนิช กรังด์ปรีซ์ เลอแกลร์ ออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพล ในสนามที่ทุกคนคุ้นเคย และน่าจะไม่ยากสำหรับตำแหน่งแชมป์ แต่เนื่องจากเครื่องยนตร์มีปัญหา จึงจบลงด้วยความว่างเปล่า 

-25 คะแนน

โมนาโก กรังด์ปรีซ์ เฟอร์รารี่ ออกสตาร์ทด้วยอันดับ 1-2 แต่เป็นเพราะอาถรรพ์ของ เลอแกลร์ กับสนามหลังบ้าน หรือเป็นเพราะสภาพอากาศผิดเพี้ยนจนทีมผิดพลาด เขาต้องต่อท้าย คาร์ลอส ไซนซ์ เพื่อเข้าพิต เสียเวลาไปหลายวินาที และกลับมาออกมาตามหลังสลับฟันปลากับ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ไม่ได้แม้กระทั่งการขึ้นไปยืนบนโพเดียม

-13 คะแนน

อาเซอร์ไบจาน กรังด์ปรีซ์ อีกครั้งที่ผลงานในรอบคัดเลือกของ เลอแกลร์ ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเข้าสู่วันจริง เขาต้องพารถออกจากการแข่งหลังผ่านไป 20 รอบ

-25 คะแนน

แคนาเดี้ยน กรังด์ปรีซ์ นี่คือสนามที่ เฟอร์รารี่ มั่นอกมั่นใจว่ามีสภาพเหมาะกับรถที่จะทำความเร็วได้ดี จึงปรับแต่งชิ้นส่วนรถเกินกำหนด ทำให้ เลอแกลร์ ต้องออกสตาร์ทท้ายแถว แน่นอนว่าพวกเขาคิดไม่ผิดเพราะนักขับคนสำคัญจบลงที่อันดับ 5 แต่ก็ทำแต้มหายไป

-15 คะแนน

บริติช กรังด์ปรีซ์ สนามที่สุดตื่นเต้นแห่งปี เลอแกลร์ อยู่ในตำแหน่งผู้นำ ตามหลังเซฟตี้คาร์ เขาควรได้เปลี่ยนมาใช้ยางใหม่ในจังหวะนี้ แต่ เฟอร์รารี่ เรียกเฉพาะ ไซนซ์ เข้ามา และปล่อยให้อีกคนใช้ยางที่เก่ามากกว่า 14 รอบ ในที่สุดก็รักษาตำแหน่งไว้ไม่ได้ จบด้วยอันดับ 4 ส่วน ไซนซ์ เป็นแชมป์ 

-13 คะแนน

ฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ หลังจบเรซ เลอแกลร์ ยอมรับว่าไม่เข้าใจการใช้ยางฮาร์ดของทีม ทั้งที่เขาบอกแล้วว่าต้องการยางมีเดียม และโดน เวอร์สเตปเปน ไล่กวด จนการได้อันดับ 6 เหมือนกับไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว

-17 คะแนน

เลอแกลร์ เคยยอมรับว่าเขาผิดเต็มๆ ที่ทำหายไป 32 คะแนน โดย 7 คะแนนมาจากการที่เขาใช้ความเร็วมากเกินไประหว่างเข้าโค้งที่ เอมิเลีย โรมาญ่า ทำให้ไม่ได้ขึ้นโพเดียม และอีกครั้งที่ฝรั่งเศส เขาพารถหมุนคว้างซัดเข้ากับที่กั้นข้างสนาม ต้องออกจากการแข่งขัน จากตำแหน่งโพลกลายเป็นศูนย์ 

นี่คือการต่อสู้ครั้งใหญ่ ที่ เฟอร์รารี่ อาจไม่ได้ต่อสู้กับ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง เพราะกว่าจะถึงตรงนั้น พวกเขาต้องต่อสู้กับตัวเอง กับการวางกลยุทธที่ควรมาในเวลาที่ถูกต้องและความเป็นมืออาชีพ สมกับการเป็นทีมลุ้นแชมป์ก่อนจะไปแข่งกับใคร