F1 FLASHBACK BELGIAN GRANDPRIX บทเรียนที่ สปา เซอร์กิต จาก บริสโตว ถึง อูแบร์

เบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์ เป็นหนึ่งรายการแข่งขันระดับตำนาน เนื่องจากที่นี่คือ 1 ใน 7 สนามแรกของศึก ฟอร์มูล่า วัน ชิงแชมป์โลก ที่มีทั้งความยอดเยี่ยม น่าตื่นเต้นระทึกขวัญและประวัติศาสตร์อันน่าเศร้า ท่ามกลางสถิติตัวเลขของเหล่านักขับที่ต้องสังเวยชีวิตหลังพวงมาลัย ซึ่งมีมาก่อนปี 1950 หลายครั้ง รวมทุกประเภทการขับขี่ไม่ว่า 2 หรือ 4 ล้อ 

สำหรับการแข่งขันที่ สปา ฟรังโกชองส์ หรือเรียกสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายว่า สปา เซอร์กิต ย้อนไปในปี 1950 รูปแบบของสนามกว้างใหญ่ นับรอบได้ 14,120 กม. ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันเหลือเชื่อ ในขณะที่ส่วนหนึ่งของสนามเจอกับพายุฝน บางส่วนกลับมาแดดแรง ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่ก้าวหน้าเท่าปัจจุบัน และกฎเกณฑ์ที่แตกต่าง ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้เตรียมการและเตรียมรถไว้สำหรับทุกสภาวะที่ต้องเผชิญ ชีวิตของเขาเหล่านั้นจึงแขวนอยู่บนเส้นด้าย

ปี 1960 คริส บริสโตว เข้าร่วมชิงแชมป์โลกในครั้งนั้นด้วยวัยเพียง 22 ปีเป็นที่จับตาของกับทีมคูเปอร์ ด้วยรถโมเดล T51 เนื่องจากการขับรถแข่งสมัยนั้นต้องมีทั้งความอดทนและความสามารถในระยะทางอันยาวไกล ความเป็นหนุ่มแน่นกับสภาพร่างกายสดใหม่จึงได้เปรียบกว่าใคร เขาเริ่มอาชีพที่ โฒนาโก กรังด์ปรีซ์ ปีเดียวกันนั้นก่อนจบชีวิตที่โค้ง เบิร์นวิลล์ ในรอบที่ 20 เมื่อพยายามชิงความเร็วกับ วิลลี่ แมเรสส์ ทำให้กลายเป็นนักขับอายุน้อยที่สุดที่เสียชีวิตในการแข่งขัน แต่ปัจจุบันโค้งแห่งนั้นเป็นพื้นที่ที่โดนตัดออกไป

ปีเดียวกันนั้น อลัน สเตซี่ย์ เป็นอีกรายที่จบชีวิตระหว่างแข่งขัน แต่ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุสุดคาดคิดเมื่อมีนกบินผ่านหน้าระหว่างเข้าโค้งซึ่งเป็นโค้งเดียวกับที่ บริสโตว เสียชีวิตห่างกันเพียงไม่นาน และระยะห่างไม่กี่ร้อยเมตร เป็นไปได้ว่า สเตซี่ย์ อาจเสียชีวิตก่อนที่รถจะพุ่งชน คาดว่ามาจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือคอหัก โดยปัจจุบัน โลตัส Mk VI คันที่ สเตซี่ย์ ใช้ในการแข่งขันได้รับการประมูลไปโดยเพื่อนของตัวนักขับเองที่เป็นสมาชิกชมรม เบนท์ลี่ย์ ไดรเวอร์ คลับ และได้ทำการบูรณะจนกลับมาสมบูรณ์ให้ครอบครัวของ สเตซี่ย์ เก็บเอาไว้ 

ปี 1970 มีการติดตั้งแผงกั้น แต่หลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น การแข่งขันที่ สปา ฟรังโกชองส์ ไม่เกิดขึ้นเพราะเหล่านักขับและผู้ชมต้องการเรียกร้องเรื่องมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ทั้งกับผู้ขับขี่และผู้ชม 

ผ่านไป 22 ปี เหตุการณ์เศร้าสลดยังเกิดขึ้นอีกที่เบลเยี่ยม แม้ผังสนามได้รับการปรับปรุงแล้ว เหลือเพียง 6.968 กม. โดยในปี 1982 ชิลส์ วิลล์เนิฟ นักขับที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งชาวแคนาเดี้ยนกำลังเร่งเครื่องในรอบคัดเลือก เมื่อเหลือเวลาในช่วงสุดท้ายเพียง 8 นาที วิลล์เนิฟ ต้องการทำเวลาให้ดีกว่าที่เป็น ด้วยยางที่ดีที่สุดเท่าที่มี ตอนนั้น โจเค่น แมสส์ มองกระจกหลังเห็นว่า วิลล์เนิฟ กำลังขับมาด้วยความเร็วสูง เนื่องจากเป็นโค้งซ้าย และเรซิ่งไลน์อยู่ทางซ้าย แมสส์ จึงหลบขวาให้กับผู้ที่กำลังทำรอบ 

แต่อาจเป็นความเคยชินที่ต้องแซงขวา เมื่อ แมสส์ ขยับขวา วิลล์เนิฟ ก็ไปขวาเช่นเดียวกันและชนท้ายคันหน้า รถของ แมสส์ ลอยขึ้นในอากาศด้วยความเร็วประมาณ 200-225 กม./ชม. ไปไกลกว่า 100 เมตร ส่วน วิลล์เนฟ ปลิวไปไกลกว่า 50 เมตร แต่เมื่อทุกคนมาถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า หมวกกันน็อคของ วิลล์เนิฟ ไม่อยู่แล้ว และใบหน้าของเขามีสีฟ้าโดยไม่หายใจ แต่เนื่องจากยังมีชีพจร แพทย์ที่มาถึงใน 35 วินาทีถัดจากนั้นจึงใส่ท่อช่วยหายใจ และพาเขาไปที่หน่วยปฐมพยาบาล จากนั้นขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปที่โรงพยาบาล แซงต์ ราฟาแอล ใน ลูเวน ก่อนที่ วิลล์เนิฟ จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

แม้ปัจจุบัน ไม่มีนักขับในรุ่นสูงสุดเสียชีวิตที่เบลเยี่ยม แต่ปี 2019 ที่ผ่านมา อุบัติเหตุที่ สปา ฟรังโกชองส์ ก็เกิดขึ้นกับ ฟอร์มูล่า 2 และ อองตวน อูแบร์ นักขับของ เรโนลต์ อคาเดมี่ รอบที่ 2 ของการแข่งขัน วันที่ 31 ส.ค. ปีนั้น จูลิอาโน อเลซี่ ไม่สามารถควบคุมรถได้เมื่อรถของทีมไทรเดนท์ปีนเคิร์บระหว่างเข้าโค้ง เรดิลลอน ซึ่งเป็นทางขึ้นเนิน คันหลังยากจะมองเห็นเหตุการณ์ข้างหน้า รถหมุนและกระแทกกำแพงกั้นทางซ้ายมือ ปีกหลังกระจายเต็มพื้นแทร็ค ราล์ฟ บอสชุง ที่ขับตามหลังมาลดความเร็ว และพยายามขับหลบซากรถคันหน้า แต่ อูแบร์ มองไม่เห็นเหตุการณ์ข้างหน้า จึงหักขวากะทันหันปีกหน้ารถเกี่ยวล้อหลังขวาของ บอสชุง และชนกำแพงกั้นทางขวา แต่รถคันที่ตามหลังมาก็หักหลบไม่ทันแลพุ่งชน รถคันนั้นคือ ฆวน มานูเอล คอร์เรอา ทั้ง อูแบร์ และ คอร์เรอา ได้รับการส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที โดยหลังจากเหตุการณ์นั้น 90 นาที อูแบร์เสียชีวิต ส่วน คอร์เรอา อยู่ในอาการโคม่านาน 3 สัปดาห์ แต่ปัจจุบันกลับมาแข่งรถได้แล้ว 

ฟอร์มูล่า วัน เบลเจี้ยน กรังด์ปรีซ์ ที่ สปา ฟรังโกชองส์ รอบซ้อม1 เวลา 18.30 น. รอบซ้อม2 เวลา 22.00 น. วันที่ 26 ก.ค. นี้ ถ่ายทอดสดทางช่อง บีอินสปอร์ตส์1 (607)