เรือใบสีฟ้าฟิตเต็มร้อย หวังย้ำแค้นเชลซีอีกรอบในเอฟเอ คัพ

พรีวิวฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบที่ 3
แมนฯ ซิตี้ พบ เชลซี
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
เวลา : 23:30 น. วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566
ถ่ายทอดสดทาง : beIN Sports 3 (ช่อง 608)

แมนฯ ซิตี้
ทีมเรือใบสีฟ้าเพิ่งจะเจอกับ เชลซี มาหมาดๆ ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นฝ่ายบุกไปเอาชนะได้ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-0 ทำให้เกมนี้ซึ่งเป็นฟุตบอลถ้วย ก็น่าสนใจว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะจัดทีมอย่างไรเพราะปัจจัยหลายอย่างเปลี่ยน เนื่องจากเกมนี้ แมนฯ ซิตี้ ได้เล่นในบ้านด้วย ขณะที่เรื่องของฟอร์มการเล่นนั้นก็หายห่วง แม้ว่าจะมีฟอร์มหลุดบ้าง แต่ แมนฯ ซิตี้ ก็ยังเป็นหนึ่งในทีมที่ฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอที่สุด โดย 11 เกมหลังสุดรวมทุกรายการพวกเขาแพ้ไปแค่เกมเดียวเท่านั้น ชนะได้ถึง 8 และเสมอแค่ 2 นอกจากนี้ยังไม่แพ้ใครมา 4 เกมติดต่อกันแล้ว

ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น แมนฯ ซิตี้ ถือว่ามีทีมที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยปัญหาก็คือจะไม่มี รูเบน ดิอาส และ เอมเมอริก ลาปอร์กต์ สองเซนเตอร์ฮาล์ฟที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงกับมีผลกระทบอะไรมากเพราะยังมี จอห์น สโตนส์ และ มานูเอล อาคานจี ลงเล่นแทนได้อยู่ ส่วนที่เหลือไม่มีปัญหา ฟิตพร้อมลงสนามทั้งหมด โดยเกมนี้อาจจะปรับมาเล่นในระบบ 4-2-3-1 และจะมีการโรเตชั่นผู้เล่นบ้าง โดยแดนหน้าเชื่อว่า  เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ น่าจะยังลงสนามเหมือนเดิม โดยจะมี ฮูเลียน อัลวาเรซ คอยสลับ แต่แดนกลางอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ น่าจะได้พักในเกมนี้

เชลซี
เชลซี ของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ กำลังอาการหนักได้ที่เลยทีเดียว หลังจากที่ 8 เกมหลังสุดในทุกรายการชนะได้แค่ 2 เกม เสมอ 1 และแพ้ไปถึง 5 นัด โดยเกมล่าสุดก็คือการแพ้คาบ้านต่อ แมนฯ ซิตี้ 0-1 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ พ็อตเตอร์ ต้องเจอกับแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาคุมทีมเชลซีได้ไม่นาน แต่ถ้าผลงานยังเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะได้อยู่จนจบฤดูกาลหรือไม่ และที่สำคัญถ้าหากเกมนี้แพ้ตกรอบฟุตบอลถ้วยไปอีก ก็เท่ากับว่าจะเหลือแค่รายการอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างเดียวเท่านั้นที่พวกเขายังอยู่ในเส้นทาง เพราะพรีเมียร์ลีกจะกลับมาลุ้นแชมป์คงแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว ส่วน คาราบาว คัพ พวกเขาก็ตกรอบ 16 ทีมไปด้วยน้ำมือของ แมนฯ ซิตี้ เช่นกัน

ในส่วนของสภาพทีม เชลซี เจอปัญหานักเตะบาดเจ็บค่อนข้างมาก โดยจะไม่สามารถใช้งาน รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ กองเต้, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, อาร์มันโด้ โบรย่า และ เอดูอาร์ เมนดี้ และล่าสุดยังมี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ คริสเตียน พูลิซิช ที่เจ็บเพิ่มมาอีก ซึ่งมีผลกระทบอย่างแน่นอน ทำให้เกมนี้ เกรแฮม พ็อตเตอร์ จะมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะเกมรุกที่น่าจะต้องส่ง คาร์นี่ย์ ชุควูเมก้า ดาวรุ่งที่คว้ามาจาก แอสตัน วิลล่า ลงสนาม ในระบบการเล่น 4-2-3-1 โดยมี ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นกองหน้าตัวเป้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : สเตฟาน ออร์เตก้า : ริโก้ ลูอิส, จอห์น สโตนส์, มานูเอล อาคานจี, เซร์คิโอ โกเมซ : โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน : ริยาด มาห์เรซ, โคล พาลเมอร์, แจ็ค กรีลิช : เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์

เชลซี (4-2-3-1) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, คาลิดู คูลิบาลี่, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์ก กูกูเรย่า : เดนิส ซากาเรีย, มาเตโอ โควาซิช : ฮาคิม ซีเย็ค, เมสัน เมาท์, คาร์นี่ย์ ชุควูเมก้า : ไค ฮาแวร์ตซ์

ความน่าจะเป็น : เพิ่งจะเจอกันมาหมาดๆ ในเกมลีก แถมก่อนหน้านี้ในรายการอย่าง คาราบาว คัพ ก็เพิ่งจะเจอกันไปไม่นาน ทำให้ดูแล้วทั้งสองทีมต่างน่าจะรู้ทางกันเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ยังดูเหนือกว่าเล็กน้อย เนื่องจากเป็นฝ่ายชนะมาได้ทั้งหมดในเกมก่อนหน้านี้ แถมเกมนี้ยังได้เล่นในบ้าน น่าจะทำให้รูปเกมที่ออกมาเป็นทางทีมเรือใบสีฟ้าที่ครองเกมได้มากกว่า ซึ่งถ้าหากว่าไม่ได้มีการหมุนเวียนตัวผู้เล่นมากเกินไปและยังใส่ตัวหลักลงสนามบ้าง ก็เชื่อว่าโอกาสที่ แมนฯ ซิตี้ จะเป็นฝ่ายชนะไปอีกครั้งก็มีสูง เพราะ เชลซี ช่วงนี้ไม่ไหวเลยจริงๆ

สกอร์ที่คาด : แมนฯ ซิตี้ ชนะ เชลซี 2-0