อเล็กซิสกางปีกป้องเอ็นโซ่ ยืนยันเพื่อนไม่ใช่พวกเหยียดผิว

อาร์เจนติน่า เอาชนะ โคลอมเบีย ได้ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศของศึก โกปา อเมริกา 2024 และคว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ทั้งทีมมีการฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยง อย่างไรก็ตาม เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ กองกลางจาก เชลซี ได้ทำการไลฟ์ระหว่างที่นักเตะทีมฟ้าขาวกำลังนั่งรถบัสและร้องเพลงฉลองชัยชนะกัน ซึ่งปรากฏว่าเพลงที่เหล่านักเตะอาร์เจนติน่ากำลังร้องกันอย่างสนุกสนานนั้น มีเนื้อหาที่เหยียดเชื้อชาติฝรั่งเศสอย่างรุนแรง รวมถึงเรื่องรสนิยมทางเพศ

ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้นักเตะอาร์เจนติน่าไม่พอใจทีมชาติฝรั่งเศสนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา ซึ่ง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าดาวเด่นของฝรั่งเศสเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าวงการฟุตบอลอเมริกาใต้มีความก้าวหน้าไม่เทียบเท่ากับทางฝั่งยุโรปที่มีการแข่งขันกันสูงกว่า

ทั้งนี้ แม้ว่าในเวลาต่อมา เอ็นโซ่ จะลบคลิปดังกล่าวออกไป แต่ก็ยังถูกชาวเน็ตแคปหลักฐานเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย และทำให้กองกลางวัย 23 ปีถูกทัวร์ลงและวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นพวกเหยียดผิวและเชื้อชาติ รวมถึงเพื่อนร่วมทีมเชลซีที่เป็นชาวฝรั่งเศสต่างไม่พอใจอย่างมาก และพากันกดเลิกตามอินสตาแกรมของ เอ็นโซ่ แม้ว่าเจ้าตัวจะได้โพสต์ข้อความขอโทษโดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แล้วก็ตาม ทำให้เชื่อว่า เอ็นโซ่ น่าจะต้องเจอกับบทลงโทษอย่างหนักจากสโมสรหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ กองกลางเพื่อนร่วมทีมชาติอาร์เจนติน่า ได้ออกมากล่าวปกป้องเพื่อนร่วมทีมของตนเองว่าไม่ใช่คนที่มีนิสัยเหยียดเชื้อชาติอย่างแน่นอน โดยมิดฟิลด์จาก ลิเวอร์พูล ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุของอาร์เจนติน่าว่า "คุณต้องระมัดระวังกับการกระทำและคำพูดของคุณ โดยเฉพาะในยุโรปที่พวกเขามีความอ่อนไหวมากกว่าที่นี่มาก"

"ความจริงก็คือเราไม่ใช่ประเทศที่เหยียดเชื้อชาติ เราไม่คุ้นเคยกับการพูดเรื่องการเหยียดเชื้อชาติมากนัก ใช่ มันเป็นหัวข้อที่มีความสำคัญอย่างมาก"

"เอ็นโซ่ ได้กล่าวขอโทษและอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก เรารู้จัก เอ็นโซ่ ดี และรู้ว่าเขาไม่มีวันทำมัน (การร้องเพลง) ด้วยเจตนาไม่ดี เขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ใช่พวกเหยียดเชื้อชาติ มันเป็นแค่เพลงและเป็นแค่การเยาะเย้ยมากกว่าจะเป็นอย่างอื่น"

"แต่ก็อย่างที่ผมได้บอกไปว่าคุณต้องระมัดระวังให้มาก ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ก็คือการที่ เอ็นโซ่ ได้ออกมาขอโทษแล้ว มันควรจะมีคุณค่ามากพอแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้"