เรือใบสีฟ้าหวังบุกชนะเชลซี ทำแต้มไล่จี้ปืนใหญ่เหลือ 5 แต้ม

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดบิ๊กแมตช์ เชลซี จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนฯ ซิตี้ โดยเกมนี้ เชลซี เจ้าถิ่นมีปัญหานักเตะบาดเจ็บค่อนข้างมาก อีกทั้งต้องพยายามเก็บแต้มให้ได้เพื่อที่จะไล่ตามพื้นที่ท็อป 4 ด้วย ถือว่าเป็นงานที่กดดันสำหรับ เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือของทีมไม่น้อย ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ต้องการเก็บ 3 แต้มเพื่อไล่จี้จ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล ด้วยเช่นกัน อีกทั้งสภาพทีมของเรือใบสีฟ้าดูมีสภาพที่สมบูรณ์กว่าสิงห์บลูส์มากพอสมควร

พรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี พบ แมนฯ ซิตี้
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เวลา : 03:00 น. วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 (แข่งคืนวันพฤหัสบดี)
ถ่ายทอดสดทาง : True Premier Football 1, 2 (ช่อง 600, 602)

เชลซี
เชลซี ในยุคของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ มีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นอย่างมากในช่วงก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเบรกฟุตบอลโลก เพราะ 5 เกมหลังสุดในทุกรายการพวกเขาแพ้ไปถึง 4 เกม โดยเป็นเกมลีกถึง 3 นัด และเกม คาราบาว คัพ ที่พ่าย แมนฯ ซิตี้ ตกรอบไปแล้วเรียบร้อย นั่นทำให้อันดับในตารางคะแนนของทีมสิงห์บลูส์ ร่วงลงไปอยู่อันดับ 8 ทันที อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้พักหายใจกันไปราว 1 เดือนเศษ เชลซี กลับมาในฟอร์มที่ดีอีกครั้ง เมื่อเปิดบ้านเอาชนะ บอร์นมัธ ไปได้ 2-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกวันบ็อกซิ่งเดย์ ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะดีขึ้น แต่ในเกมถัดมาซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม เชลซี กลับทำได้แค่บุกไปเสมอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-1 ทั้งๆ ที่ออกนำได้ก่อนตั้งแต่ต้นเกม จึงถือว่าเป็นอะไรที่น่าผิดหวังเอามากๆ

ในส่วนของสภาพทีม เชลซี เจอปัญหานักเตะบาดเจ็บค่อนข้างมาก โดยจะไม่สามารถใช้งาน รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ กองเต้, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, อาร์มันโด้ โบรย่า, เบน ชิลเวลล์ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค แน่นอนว่ามีผลกระทบอย่างแน่นอน ทำให้ เชลซี ตกเป็นข่าวกับนักเตะหลายรายสำหรับการเสริมทัพในเดือนมกราคมนี้ แต่สำหรับเกมนี้ พ็อตเตอร์ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ซึ่งก็ยังพอจะมีนักเตะให้ใช้งานอยู่พอประมาณ โดยเกมรุกอาจจะเปลี่ยนมาเป็น คริสเตียน พูลิซิช, ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นสามประสานในแดนหน้า

แมนฯ ซิตี้
ทีมเรือใบสีฟ้ายังคงเป็นทีมที่อันตรายเหมือนเดิม แต่ฤดูกาลนี้พวกเขามักจะสะดุดในเกมที่คาดไม่ถึงหลายต่อหลายครั้ง อย่างเช่นก่อนจะเข้าสู่ช่วงเบรกฟุตบอลโลก พวกเขากลับเสียท่าพ่ายคาบ้านต่อ เบรนท์ฟอร์ด 1-2 ซะอย่างนั้น และพอกลับมาจากศึก เวิลด์ คัพ แมนฯ ซิตี้ ก็กลับมาคืนฟอร์มได้อีกครั้ง เมื่อจัดการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 3-2 ในศึก คาราบาว คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ต่อด้วยบุกไปถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด อีก 3-1 ในเกมพรีเมียร์ลีกช่วงบ็อกซิ่งเดย์ แต่พอเกมต่อมาที่ได้เล่นในบ้านเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่กำลังฟอร์มตกอย่างหนัก มองมุมไหนก็ไม่มีทางสู้ แมนฯ ซิตี้ ได้เลย แต่เกมกลับจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 ซะอย่างนั้น เลยทำให้ถูก อาร์เซน่อล ทิ้งห่างถึง 8 แต้มในเวลานี้ แต่ยังดีที่ แมนฯ ซิตี้ ยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด นั่นทำให้เกมนี้พวกเขาต้องพยายามเอาชนะให้ได้ เพื่อทำให้ช่องว่างลงมาเหลือแค่ 5 แต้ม

ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น แมนฯ ซิตี้ ถือว่ามีทีมที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยปัญหาก็คือจะไม่มี รูเบน ดิอาส และ เอมเมอริก ลาปอร์กต์ สองเซนเตอร์ฮาล์ฟที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงกับมีผลกระทบอะไรมากเพราะยังมี จอห์น สโตนส์ และ มานูเอล อาคานจี ลงเล่นแทนได้อยู่ ส่วนที่เหลือไม่มีปัญหา ฟิตพร้อมลงสนามทั้งหมดในระบบ 4-3-3 โดยแดนหน้ายังนำโดย เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กองหน้าตัวเก่งเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เชลซี (4-3-3) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, คาลิดู คูลิบาลี่, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์ก กูกูเรย่า : มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ่, เมสัน เมาท์ : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง, คริสเตียน พูลิซิช

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส : ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มานูเอล อาคานจี, ชูเอา กันเซโล่ : เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน : แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, แจ็ค กรีลิช

ความน่าจะเป็น : เป็นเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ส่งท้ายโปรแกรมช่วงปีใหม่ และชัยชนะในเกมนี้จะส่งผลอย่างมากต่อทั้งสองทีม โดย เชลซี ถ้าชนะก็จะได้ความมั่นใจกลับมา อีกทั้งยังทำให้มีโอกาสไล่ล่าพื้นที่ท็อป 4 ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ต้องการ 3 แต้มเพื่อไล่จี้ อาร์เซน่อล ให้เหลือ 5 แต้ม หากว่าหลุดเสมอหรือว่าแพ้ ถือว่าค่อนข้างเสียหาย ดังนั้นเกมนี้ทั้งสองทีมจะเน้นอย่างเต็มที่ และน่าจะเป็นเกมที่สู้กันสนุก ขึ้นอยู่กับว่าใครจะพลาดก่อนกัน ซึ่งดูแล้วโอกาสที่ เชลซี จะแบ่งแต้มหรือเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้เลยนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ยังเชื่อว่าทีมเรือใบสีฟ้าที่มีความครบเครื่องมากกว่า น่าจะเป็นฝ่ายบุกมาเฉือนชนะไปได้เป็นอย่างน้อย

สกอร์ที่คาด : เชลซี แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-2