ศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ยังคงเป็นบรรยากาศเดิมๆ เมื่อ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ยังคงเป็นทีมแกร่งที่สุด หลังคว้าแชมป์ด้วยแต้มที่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย ถึง 15 แต้ม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเมื่อเทียบขนาดและความรวยของ เปแอสเช กับทีมอื่นๆ อีก 19 ทีมใน ลีก เอิง แล้ว หากว่า เปแอสเช จะไม่ได้แชมป์คงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดแน่ๆ และทำให้เรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับปารีสฯ กลายเป็นเรื่องที่น่าพูดถึงมากกว่าการที่พวกเขาได้แชมป์
1. การลุ้นแชมป์ที่ยังคงไม่สนุกเหมือนเดิม
นับตั้งแต่ที่ เปแอสเช สถาปนาตัวเองกลายเป็นทีมมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของยุโรป พวกเขาก็ทำให้ ลีก เอิง กลายเป็นลีกที่ไม่สนุกอีกต่อไป เนื่องจากกำลังทรัพย์ที่พวกเขามี ทำให้ ปารีสฯ กลายเป็นทีมที่เต็มไปด้วยดาวดังล้นทีม จนทำให้เกิดความห่างชั้น และกลายเป็นความกดดันของบรรดากุนซือที่เข้ามารับงานคุมทีมไปโดยปริยาย เพราะด้วยขนาดของทีมและงบประมาณในการเสริมทัพ ทำให้การคว้าแชมป์ ลีก เอิง เพียงอย่างเดียวอาจกลายเป็นความล้มเหลวได้เลย ดังเช่น เมาริซิโอ โปเชตติโน่ กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ ซึ่งมีข่าวลือออกมาหนาหูว่า ใกล้จะโดนปลดออกจากตำแหน่งในไม่ช้า
เปแอสเช เก็บไป 86 แต้มจาก 38 นัด คว้าแชมป์ ลีก เอิง ไปครองได้แบบสบายๆ โดยทิ้งห่างคู่ปรับสำคัญอย่าง มาร์กเซย มากถึง 15 แต้มก็จริง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจอะไร เพราะการคว้าแชมป์ลีกมาครองให้ได้ คือความต้องการขั้นต่ำสุดของทีมอยู่แล้ว แต่นอกเหนือจากแชมป์ ลีก เอิง แล้ว เปแอสเช ภายใต้การคุมทีมของ โปเชตติโน่ ไม่ได้ลุ้นแชมป์รายการอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลถ้วยอีกสองถ้วยอย่าง เฟร้นซ์ คัพ และ เฟร้นซ์ ลีก คัพ ก็ตกรอบไปหมด รวมถึงรายการใหญ่ที่สุดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องกระเด็นตกรอบไปตั้งแต่รอบ 16 ทีมด้วยการพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด ทำให้นี่คืออีกหนึ่งฤดูกาลที่ เปแอสเช ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่พวกเขามีแนวรุกที่อาจจะอันตรายที่สุดในโลกอย่าง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี่
2. การลุ้นโควต้าฟุตบอลยุโรปสนุกสูสี
หากว่าตัดการคว้าแชมป์แบบขาดลอยของ เปแอสเช ออกไป การลุ้นอันดับ 2-4 ค่อนข้างสนุกไม่น้อย เพราะ มาร์กเซย ที่ได้รองแชมป์ และได้สิทธิ์ไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีหน้าร่วมกับ เปแอสเช นั้น ก็มีคะแนนเหนืออันดับ 3 อย่าง โมนาโก ที่ได้สิทธิ์ไปลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย เพียง 2 แต้ม ส่วน แรนส์ ที่รั้งอันดับ 4 ก็ตามหลัง โมนาโก แค่ 3 แต้ม และเฉือนอันดับ 5 อย่าง นีซ เพียงแค่ผลต่างประตูได้เสียเท่านั้น ทำให้ แรนส์ ได้สิทธิ์ไปลุย ยูโรป้า ลีก ปีหน้าแบบหวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม ถึงการลุุ้นอันดับโควต้าฟุตบอลยุโรปจะเข้มข้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นอะไรที่น่าเบื่ออยู่ดี เพราะบรรดาทีมเหล่านี้ไม่มีทีมไหนเลยที่จะขึ้นไปต่อกรกับ เปแอสเช อย่างสูสี เหมือนเช่นการขับเคี่ยวกันอย่างถึงกึ๋นอย่างของ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก และดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ลีก เอิง คงยังเป็นลีกที่ไม่สนุกแบบนี้ไปอีกพักใหญ่เลยทีเดียว
3. โซนหนีตกชั้นลุ้นกันไม่เยอะ
ลีก เอิง ในฤดูกาลนี้ นอกจากจะยังลุ้นแชมป์ไม่สูสีเหมือนเดิม การลุ้นทีมหนีตกชั้นก็ไม่ต้องลุ้นกันมากมายนัก โดยมีแค่ 3 ทีมอย่าง แซงต์-เอเตียนน์, เม็ตซ์ และ บอร์กโดซ์ ที่ต้องลุ้นกันในวันสุดท้าย ในการแย่งอันดับที่ 18 เพื่อได้โควต้าไปเล่นเพลย์ออฟหนีตกชั้นกับทีมจาก ลีก เดอซ์ แต่ถ้าหากจะลุ้นหนีตกชั้นแบบอัตโนมัติเลยนั้น ทั้ง 3 ทีมไม่มีใครที่จะไล่ตามอันดับที่ 17 อย่าง แกล์กมงต์ ฟุต ได้ทันเลยแม้แต่ทีมเดียว
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วกลายเป็น แซงต์-เอเตียนน์ ที่เก็บได้ 1 แต้ม ส่วน เม็ตซ์ ไปโดน เปแอสเช ถล่มขาดลอย 5-0 ทำให้ แซงต์-เอเตียนน์ จบอันดับ 18 รอเพลย์ออฟหนีตกชั้นต่อไป ส่วนอีกสองทีมอย่าง เม็ตซ์ และ บอร์กโดซ์ ต้องตกชั้นไปตามระเบียบ
4. เอ็มบั๊ปเป้ ครองดาวซัลโวพร้อมยูโยงเปแอสเชอีก 3 ปี
คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ยังคงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของ เปแอสเช ไม่ใช่ ลิโอเนล เมสซี่ แต่อย่างใด หลังยิงไปถึง 28 ประตู เอาชนะอันดับของ วิสซาม เบน เยแดร์ ของ โมนาโก ไป 3 ลูก ขณะที่ เมสซี่ ยิงไปแค่ 6 ประตูจาก 26 เกมเท่านั้น เป็นอะไรที่น่าผิดหวังสุดๆ
อย่างไรก็ตาม การยิงได้ถึง 28 ประตูของ เอ็มบั๊ปเป้ นั้นไม่ใช่เรื่องน่าสนใจ แต่กลายเป็นเรื่องการประกาศต่อสัญญาใหม่กับ เปแอสเช ไปอีก 3 ปีต่างหากที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างก็คาดว่า เอ็มบั๊ปเป้ ต้องเลือกย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด แบบไม่มีค่าตัวหลังจบฤดูกาลนี้แน่ๆ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเล่นกับ ปารีสฯ ต่อไป และการได้ไปเล่นให้ทีมราชันชุดขาว เป็นความฝันส่วนตัวของ เอ็มบั๊ปเป้ อีกด้วย
แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวเลือกที่จะต่อสัญญาใหม่กับ เปแอสเช ออกไปอีก 3 ปี พร้อมกับมีรายงานว่า เอ็มบั๊ปเป้ ได้ค่าเหนื่อยมหาศาลถึงปีละ 100 ล้านยูโร อีกทั้งยังได้สิทธิ์พิเศษในการที่จะมีส่วนร่วมเกี่ยวกับโปรเจ็คท์ของทีม ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนในการตัดสินใจเรื่องการเสริมทัพของทีม หรือแม้กระทั่งการเลือกเทรนเนอร์ที่จะเข้ามาเป็นกุนซือ
ถือว่าเป็นอะไรที่พิลึกมากๆ และไม่มีทีมใดให้สิทธิ์นักฟุตบอลแบบนี้มาก่อน ซึ่งก็คงต้องมาติดตามกันต่อไปว่า การตัดสินแบบนี้ของปารีสฯ จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือว่าผิดกันแน่
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial