ลา ลีกา สเปน ในฤดูกาล 2021-22 กลายเป็นฤดูกาลที่ไม่ได้ลุ้นสนุกมากสักเท่าไหร่นัก เมื่อผ่านไปเพียงครึ่งฤดูกาล เราก็พอจะมองเห็นแล้วว่าแชมป์จะอยู่ในมือของทีมใด เพราะหลายๆ ทีมใหญ่ต่างมีผลงานกราวรูด ทั้งแชมป์เก่าอย่าง แอตเลติโก มาดริด ที่ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม แม้จะยังมีความเก๋าอยู่บ้าง ส่วน บาร์เซโลน่า ก็เจอปัญหาการเงินรุมเร้ามากมายแถมยังมีการเปลี่ยนตัวกุนซือ นั่นทำให้ เรอัล มาดริด นำโด่งแบบสบายๆ และเป็นแชมป์ไปในที่สุด และนี่คือสรุปภาพรวมของ ลา ลีกา สเปน ในฤดูกาลนี้
1. การลุ้นแชมป์ที่ไม่ได้สนุกเหมือนหลายๆ ปีที่ผ่านมา
หากว่าใครติดตามดูฟุตบอล ลา ลีกา สเปน มาในช่วง 7-8 ปีหลังสุด คงพอจะทราบว่าลีกนี้จะมี "บิ๊ก 3" นั่นคือ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก มาดริด สามทีมนี้คือทีมที่ร่ำรวยที่สุดในลีก มีงบประมาณในการเสริมทัพและทุ่มค่าเหนื่อยให้กับนักเตะได้มากที่สุด และแน่นอนว่าพวกเขาผลัดกันแย่งแชมป์ ลา ลีกา แม้ว่าสัดส่วนอาจจะเป็น เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า มากกว่า แต่ แอต. มาดริด ในยุคของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็เป็นทีมที่ประมาทไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลปัจจุบันที่เพิ่งจะจบลงไป กลายเป็นปีที่ไม่ต้องลุ้นอะไรเลย เนื่องจาก บาร์เซโลน่า ฟอร์มการเล่นตกต่ำอย่างหนัก สาเหตุก็เป็นเพราะผลกระทบจากปัญหาทางการเงินที่มีหนี้สินก้อนโตที่สะสมมาตั้งแต่ยุคประธานสโมสรคนก่อนอย่าง โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ทำให้พวกเขาเสริมทัพอย่างยากลำบาก ประกอบกับ โรนัลด์ คูมัน ก็อาจจะเป็นเทรนเนอร์ที่มือไม่ถึงพอด้วย เลยทำให้ทุกอย่างดูจะแย่ไม่หมด แถม ลิโอเนล เมสซี่ ก็อำลาทีมไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เรียกได้ว่านี่น่าจะเป็นปีแรกในรอบหลายปีจนเกือบจำไม่ได้ ที่ทีมเจ้าบุญทุ่มหมดลุ้นแชมป์ไปก่อนอย่างรวดเร็ว
ส่วนทีมตราหมีแม้จะมีดีกรีเป็นแชมป์เก่า แต่มาปีนี้ขุมกำลังในแนวรุกดูจะไม่ดีดังเดิม การกลับมาของ อองตวน กรีซมันน์ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสไม่สามารถเป็นตัวแบกทีมได้เหมือนเก่า ส่วน หลุยส์ ซัวเรซ ก็ดูจะเลยจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว นั่นทำให้ แอต. มาดริด จากทีมที่เป็นแชมป์เก่า ต้องกลายสภาพไปเป็นทีมที่ลุ้นอันดับท็อป 4 เท่านั้น
แตกต่างจากทาง เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชลอตติ ที่กลับมาคุมทีมราชันชุดขาวอีกครั้งเป็นคำรบที่สอง และ "อันเช่" ก็โชว์ให้เห็นถึงฝีมือระดับอ๋อง เมื่อพา เรอัล มาดริด ชนะคู่แข่งได้เป็นว่าเล่น จนนำเป็นจ่าฝูงและทำคะแนนทิ้งห่างทีมอื่นๆ ไปไกลลิบ แม้ว่าในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล บาร์เซโลน่า จะได้ ชาบี เอร์นานเดซ เข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมไปในทางที่ดีขึ้น ถึงขนาดบุกมาถล่มมาดริดได้ถึง 4-0 ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ช่องว่างที่ห่างมากนั้นลดลงแต่อย่างใด เพราะหลังจากนั้นบาร์ซ่าก็ไปพลาดเองง่ายๆ กับทีมที่เล็กกว่า ส่วน "โลส บลังโกส" ยังคงกลับมาเดินหน้าได้ต่อ ก่อนจะชนะอีก 5 เกมรวดและคว้าแชมป์ไปครองได้ตั้งแต่นัดที่ 34 ของฤดูกาล โดยหลังจบ 38 นัด พวกเขาเก็บไป 86 แต้ม และมีคะแนนทิ้งห่างบาร์ซ่าไกลถึง 13 คะแนน
2. การลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ ลีก สนุกกว่าการลุ้นแชมป์
จากมาตรฐานของ เรอัล มาดริด ที่เหนือกว่าทีมอื่นมากในปีนี้ ทำให้การลุ้นแชมป์อาจจะไม่สนุก แต่ไม่ใช่กับการลุ้นโควต้าท็อป 4 ที่สูสีอย่างไม่น่าเชื่อ ทีมที่เป็นขาประจำอย่าง บาร์เซโลน่า และ แอต. มาดริด นั้น เกือบจะเอาตัวไม่รอดเช่นกัน โดยทางฝั่งบาร์ซ่า ถ้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งโค้ชจาก คูมัน มาเป็น ชาบี แล้ว ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าพวกเขาจะเร่งเครื่องกลับมาจบอันดับที่ 2 ได้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้คงต้องยกเครดิตให้ ชาบี เต็มๆ เมื่อพา บาร์เซโลน่า ชนะได้ถึง 17 จาก 26 เกมหลังสุดใน ลา ลีกา และแพ้ไปเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้น แถมยังเคยมีช่วงเวลาไม่แพ้ใครยาวนานถึง 15 เกมติดต่อกัน
ขณะที่ แอต. มาดริด เคยมีช่วงที่ถูก เซบีย่า เบียดตกไปอยู่อันดับ 4 ด้วยซ้ำ และถูกพวกที่ตามหลังมาอย่าง เรอัล เบติส และ เรอัล โซเซียดาด ไล่กดดันอย่างหนัก แต่ก็อาศัยความเก๋าในช่วง 14 เกมสุดท้าย เร่งฟอร์มกลับมาชนะได้ถึง 10 เกม กลับมาจบอันดับที่ 3 โดยเฉือน เซบีย่า เพียงแต้มเดียว และทิ้งห่างอันดับ 5 อย่าง เรอัล เบติส 6 คะแนน
3. กลุ่มหนีตกชั้นได้ลุ้นกันจนถึงวันสุดท้าย
ในช่วงท้ายฤดูกาล มีทีมที่ต้องลุ้นหนีตายถึง 5 ทีม ได้แก่ เคตาเฟ่, เรอัล มายอร์ก้า, กาดิซ, กรานาด้า และ เลบันเต้ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น กรานาด้า และ เลบันเต้ ที่ไปไม่รอด ร่วงตกชั้นตาม อลาเบส ทีมบ๊วยไปในที่สุด ซึ่งทีมที่น่าเสียดายที่สุดคงต้องยกให้ กรานาด้า ที่แพ้ กาดิซ ทีมอันดับที่ 17 ไปเพียงแต้มเดียวเท่านั้น โดยในวันสุดท้ายของฤดูกาล พวกเขาได้เล่นในบ้าน แต่กลับทำได้แค่เสมอกับ เอสปันญ่อล ที่ไม่ได้มีลุ้นอะไรแล้ว 0-0 ขณะที่ กาดิซ บุกไปเอาชนะ อลาเบส ได้สำเร็จ 1-0 เก็บ 3 แต้มสำคัญ ส่งให้พวกเขาแซง กรานาด้า รอดตายได้อย่างหวุดหวิดทันที เช่นเดียวกับ มายอร์ก้า ที่ก็บุกไปเอาชนะ โอซาซูน่า ได้ 2-0 รอดตกชั้นแบบเฉียดฉิวเช่นกัน
4. เบนเซม่า แรงเกินต้าน ครองดาวซัลโวแบบชิลๆ
ถ้าจะบอกว่าใครคือนักเตะที่โดดเด่นที่สุดใน ลา ลีกา ฤดูกาลนี้ คงหนีไม่พ้น คาริม เบนเซม่า กองหน้าจอมเก๋าของ เรอัล มาดริด ที่ยิ่งแก่ก็ยิ่งเก่ง กลายเป็นตัวแบกคนสำคัญที่สุดของทีม ชนิดที่จะขาดไปไม่ได้เลย โดยในฤดูกาลนี้ "คิง คาริม" ทั้งยิงทั้งจ่าย ช่วยให้ราชันชุดขาวกลายเป็นทีมที่ไม่มีใครไล่ตามได้ทันใน ลา ลีกา โดยเจ้าเบนซ์ซัดไป 27 ลูกกับอีก 12 แอสซิสต์ คว้าตำแหน่งดาวซัลโว หรือที่ ลา ลีกา เรียกว่ารางวัล "ปิชีชี่" ไปครองแบบที่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ยาโก้ อาสปาส ดาวยิงจาก เซลต้า บีโก้ กระจุยถึง 9 ประตู
แน่นอนว่านอกเหนือจากรางวัลดาวซัลโวแล้ว เบนเซม่า สมควรได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ลา ลีกา ไปครองอีกรางวัลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial