ไมอามี่ โอเพ่น รายการคู่แฝด หนึ่งใน ‘ซันไชน์ ดับเบิ้ล’

ไมอามี่ โอเพ่น หรือ ไมอามี่ มาสเตอร์ส จัดขึ้นที่ ฮาร์ดร็อค สเตเดี้ยม ฟลอริด้า รายการนี้ก่อตั้งโดย เอิร์ล เฮนรี่ “บุชท์” บุชฮอลซ์ และอดีตนักเทนนิสเดินสายที่อยากให้มีการแข่งขันรายการหลักคล้ายกับ ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ในยุค 1960 (ซึ่งตอนนั้น ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น แข่งในเดือนธ.ค.) แต่นั่นเป็นไอเดียที่เขาคิดไว้สมัยเดินทางแข่งขัน จนกระทั่งได้ผู้อำนวยการบริหาร ATP ในยุค 1980 เขาจึงหยิบเอาไอเดียที่เคยคิดมาทำให้เกิดขึ้นจริงในปี 1985 

รางวัลรวม 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 60 ล้านบาท) เป็นรองเพียง วิมเบิลดัน และ ยูเอส โอเพ่น ในยุคนั้น โดยปัจจุบันเงินรางวัลพุ่งสูงถึง 13 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 435 ล้านบาท) แล้ว และเนื่องจากเป็นรายการที่แข่งขันในสหรัฐ ต่อเนื่องจากรายการระดับ WTA1000 ที่ อินเดียน เวลส์ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งขยับขยายเป็นรายการใหญ่ มีศักดิ์ศรีใกล้เคียงกัน รายการนี้จึงเป็นรายการฝาแฝด แม้ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งของสหรัฐ แต่มีภูมิประเทศคล้ายคลึงกัน อากาศแจ่มใสใต้แสงอาทิตย์ หากใครสามารถคว้าแชมป์ต่อเนื่อง 2 ทัวร์นาเมนต์จะได้รับขนานนามว่าเป็นแชมป์ “ซันไชน์ ดับเบิ้ล” 

แครนดอน พาร์ค สถานที่จัดการแข่งขันเดิมอยู่ภายใต้ความดูแลของสภาเมือง ไมอามี่-เดด ทางตะวันออกเฉียงใต้ แต่เวลาผ่านเนิ่นนาน ที่นั่นก็ได้รับเสียงวิจารณ์เรื่องสภาพสนามและเรื่องสภาพอากาศที่มีความชื้น ในที่สุดปี 2019 จึงย้ายการแข่งขันมาที่ ฮาร์ดร็อค สเตเดี้ยม สนามแข่งอเนกประสงค์ที่สามารถรองรับการแข่งขันกีฬาหลากหลายประเภทและเป็นสนามเหย้าของทีม NFL ไมอามี่ ดอลฟินส์ 

ไมอามี่ โอเพ่น เป็นการแข่งขันที่ก้าวหน้าทั้งแนวคิดและเทคโนโลยี ปี 2006 เทคโนโลยี ฮ็อว์คอายส์ ได้นำมาใช้ที่นี่เป็นที่แรกในสหรัฐ อนุญาตให้ผู้เล่นประท้วงคำตัดสิน 3 ครั้งต่อเซ็ต และเพิ่มพิเศษ 1 ครั้งเมื่อเข้าสู่ไทเบรก

เนื่องจากเป็นรายการฝาแฝดกับ บีเอ็นพี พาริบาส โอเพ่น รูปแบบการแข่งขันจึงไม่ต่างกัน รอบแรกเป็นการพบกันระหว่างมือไร้อันดับและนักหวดที่ผ่านเข้ามาจากรอบคัดเลือก จากนั้น 32 มือวางจะรออยู่ในรอบถัดไป และจากการถอนตัวของ มือ 1 โลก แอชลี่ บาร์ตี้ ทำให้ เอรีน่า ซาบาเลนก้า ได้เป็นมือวางอันดับ 1 ในรายการนี้

ซาบาเลนก้า เป็นแชมป์ WTA มาแล้ว 10 รายการ โดย 4 รายการเป็นระดับ WTA1000 ล่าสุดคือ มาดริด โอเพ่น เดือนพ.ค. 2021 ครั้งนี้อยู่ในสายบนครึ่งบน ร่วมกับ เบลินดา เบนซิช มือวางอันดับ 25 และแชมป์โอลิมปิก 2020 และอดีตมือ 1 โลก ซิโมน่า ฮาเล็ป ที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ อินเดียน เวลส์ และอาจได้พบ เอ็มม่า ราดูคานู ดาวรุ่งแชมป์แกรนด์แสลม ยูเอส โอเพ่น สมัยล่าสุดในรอบสาม

สายบนครึ่งล่าง มือ 3 เอเน็ตต์ คอนตาเวียต อาจได้เจอ แอน ลี หรือ เมยาร์ เชริฟ ในรอบสอง และหากผ่านไปถึงรอบ 16 คนก็เป็นไปได้ที่จะเจอคู่แข่งแข็งแกร่งซึ่งอยู่ร่วมสายหลายคน ทั้ง นาโอมิ โอซากะ, แองเจลิค แคร์เบอร์ หรือ เลย์ลา เฟอร์นันเดซ รองแชมป์ ยูเอส โอเพ่น

สายล่างครึ่งบน พอล่า บาโดซ่า มือ 4 และ มาเรีย ซัคคารี มือ 5 จากกรีซอยู่ในสายนี้ ทั้งสองเป็นสาวจอมพลังที่ตีโต้ได้แข็งแรง ยืนระยะได้นาน เป็นไปได้ว่า บาโดซ่า อาจเจออดีตมือ 1 โลก วิคตอเรีย อซาเรนก้า เจ้าของแชมป์ ไมอามี่ โอเพ่น 3 สมัย และเคยเป็นแชมป์ต่อเนื่องทั้ง อินเดียน เวลส์ และ ไมอามี่ ในปี 2016 มาแล้ว

สายล่างครึ่งล่าง มือ 2 ของรายการ อิก้า สเวียเท็ค แชมป์ บีเอ็นพี พาริบาส โอเพ่น ยังไม่แพ้ใคร 11 เกม ตั้งแต่ กาตาร์ โอเพ่น เป็นตัวเต็งที่น่าหวั่นเกรง แต่ก็อาจได้พบ โคโค่ กอฟฟ์ ดาวรุ่งที่มั่นใจว่าการแข่งใน ไมอามี่ คือการแข่งในบ้าน และในสายนี้ยังมีนักหวดประสบการณ์อย่าง การ์บิเญ่ มูกูรูซ่า และ เปตร้า ควิโตว่า อยู่ด้วย แต่ด้วยฟอร์มที่กำลังร้อนแรงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บางทีแฟนๆ อาจได้เห็น แชมป์ “ซันไชน์ ดับเบิ้ล” ก็เป็นไปได้

ติดตามผลงานของเหล่านักเทนนิสหญิงใน WTA ไมอามี่ โอเพ่น ได้ทาง ทรูเทนนิส ช่อง 670 เริ่มถ่ายทอดสดตั้งแต่รอบแรก 23 มี.ค. จนถึงรอบชิงชนะเลิศ 3 เม.ย. นี้ ตามเวลาประเทศไทย