นักแสดงนำชายคนใดมีแววคว้าออสการ์ในปีนี้ไปครอง มาลุ้นไปพร้อมกันกับผลทำนายจากทรูวิชั่นส์
การประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 ใกล้เข้ามาทุกขณะ เช้าวันจันทร์หน้า 28 มีนาคม เราก็จะได้ส่งเสียงเฮให้กับภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมที่เราชื่นชอบ
ทรูวิชั่นส์นอกจากการจัดเตรียมความพร้อมในการถ่ายทอดสดงานประกาศผลรางวัล ทางช่อง True Film 1 หมายเลข 115, 222 ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่การเดินพรมแดงในเวลา 5.30 น. ไปตลอดจนการเริ่มพิธีการบนเวทีในเวลา 7.00 น. ซึ่งจะมีการบรรยายภาษาไทยให้ทุกคนได้ชมอย่างเต็มอารมณ์จนจบงานแล้ว ทีมงานของทรูวิชั่นส์ก็ตื่นเต้นไม่แพ้ทุกคน จึงพร้อมใจกันทายผลและร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ 7 สาขารางวัลสำคัญ ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชาย-หญิงยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชาย-หญิงยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ซึ่งจะตรงใจกับที่คุณคิดเอาไว้หรือไม่ ติดตามลุ้นกันได้ที่นี่ทุกวัน
ดารานำชายยอดเยี่ยม
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ หรือพี่เบนของสาวๆ คือคนที่ชาวทรูวิชั่นส์อยากให้ได้รางวัลนำชายยอดเยี่ยมไปครองมากที่สุด โดยมีคะแนนสูงถึง 47% ตามมาด้วยวิล สมิธ ที่คะแนน 30% เดนเซล วอชิงตัน 17% และหนุ่มหน้ามนขวัญใจสาวๆ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ที่ 6% ส่วนฮาเวียร์ บาร์เด็มนั้นต้องร้องไห้กลับบ้านไปก่อน เนื่องจากภาพยนตร์ฉายทางสตีมมิ่งที่อาจยังไม่ได้รับความนิยมในบ้านเรา
“ชอบการฉีกรับบทด้านมืดที่ดูสง่างามของ Benedict” – Chaipoj
“Will Smith เป็นตัวละครที่ทำให้หนังดูเด่นจริงๆ” -- Nisa
การแสดงอารมณ์ให้ดูสมจริงนั้น อาจไม่ใช่เรื่องยากนักสำหรับนักแสดงที่มีประสบการณ์ระดับหนึ่ง แต่การต้องแสดงบทบาทให้คนดูเชื่อสนิทใจนั้น ไม่ใช่ดาราทุกคนจะสามารถทำได้โดยอาศัยเพียงพรสวรรค์
ต้องยอมรับว่านักแสดงนำชายทุกคนที่ปรากฏชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีนี้ มีครบทั้งพรสวรรค์และพรแสวง เพราะกว่าที่พวกเขาจะสร้างสรรค์ตัวละครต่างๆ ออกมาให้เราได้ตกตะลึงกันนั้น พวกเขาต่างทุ่มเท ฝึกฝน และผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ และออกแบบตัวละครให้เข้ากับสไตล์ของตัวอย่างอย่างหนักหน่วง
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์
หนุ่มลอนดอนเนอร์สุดหล่อผู้ถูกเลือกมารับบทอเมริกันคาวบอยย้อนยุค ในภาพยนตร์เรื่อง The Power of the Dog พูดแกมหยอกว่าเขาเคยคิดอยากเป็นนักดนตรีแบนโจชื่อก้องโลก หลังจากเข้าคลาสฝึกเล่นเครื่องดนตรีชิ้นนี้เพื่อการแสดง ยังไม่รวมถึงการฝึกถักเชือก การอัดฟางให้เป็นก้อน เป่าปาก ควงบุหรี่ด้วยมือเดียว และการแกะสลักไม้ที่เขาไม่มีความรู้มาก่อน
ตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่าย เพื่อให้เข้าถึงตัวละครจริงๆ พี่เบนจะตั้งกฎไว้ว่าจะโต้ตอบกับเฉพาะคนที่เรียกเขาตามชื่อตัวละครเท่านั้น “ถ้าใครลืมแล้วตะโกนเรียกเบนๆๆ ล่ะก็ ผมจะไม่หันไปคุยด้วยเด็ดขาด”
นั่นยังไม่รวมถึงการยอมไม่อาบน้ำอยู่หลายวัน เพื่อให้คาแรคเตอร์ดูสกปรกมอมแมมสมจริงมากที่สุด
“ผมอยากให้ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคล” เขายกแขนขึ้นดม ทำจมูกฟุดฟิด “อยากให้ทุกคนในห้องได้สัมผัสถึงกลิ่นตัวอันรัญจวนของผม แต่มันก็ทำใจลำบากเอาการเลยล่ะ (หัวเราะ) มีอยู่วันหนึ่งผมต้องไปร่วมรับประทานอาหารกับเจน (เจน แคมเปียน ผู้กำกับ) และเพื่อนๆ ของเธอ ผมรู้สึกลำบากใจแทนเจ้าของบ้านที่ต้องหาทางกำจัดกลิ่นเลยล่ะครับ”
วิล สมิธ
น้อยคนนักจะรู้ว่าดาราหนุ่มคนนี้ ผู้ซึ่งโด่งดังและเป็นที่รู้จักจากบทเท่ๆ กวนๆ ในหนังบล็อกบัสเตอร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ID4, Men in Black, Bad Boys, I Am Legend และอีกมากมาย เคยตั้งกฎเหล็กให้กับตัวเองว่าจะไม่รับเล่นหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทาสโดยเด็ดขาด เนื่องจากเขาไม่ต้องการตอกย้ำความรู้สึกด้อยค่าของสีผิวให้แก่เหล่าคนผิวสี
“ผมอยากได้บทที่พวกเขามอบให้ทอม ครูซ อยากเป็นซูเปอร์ฮีโร่”
หลังจากเรื่อง ID4 ประสบความสำเร็จ ชื่อของวิลก็ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของสตูดิโอยักษ์ใหญ่แทบจะทันที บทหนังหลากหลายหลั่งไหลมาให้เขาได้เลือกเล่นตามสะดวกใจ ทั้งบทตลก ดราม่า รวมถึงซูเปอร์ฮีโร่ที่เขาเคยใฝ่ฝันเอาไว้ กระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขานั่งชมการแข่งขันเทนนิส กีฬาสุดโปรด เขาก็ปิ๊งกับไอเดียบางอย่างขึ้นมา
“ผมไปค้นเอาประวัติของสองพี่น้องราชินีนักหวด วีนัส-เซเรนา วิลเลียมส์ มาอ่าน ยิ่งขุดลงไปลึกเข้าๆ เรื่องราวเหล่านั้นยิ่งทำให้ผมขนลุก จนอดไม่ได้ที่จะนำมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รู้ว่าริชาร์ด พ่อของพวกเธอนั้นเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของลูกสาวด้วยน้ำมือของเขาเอง” ดาราหนุ่มกล่าวอย่างตื่นเต้น “สองปีก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะเกิด ริชาร์ดได้ร่างแผนที่ชีวิตของพวกเธอเอาไว้เป็นสเต็ป เป้าหมายคือการส่งให้เด็กสาวทั้งสองเติบโตขึ้นมาเพื่อเป็นราชินีนักเทนนิสระดับโลกเท่านั้น ตอนที่อ่านเจอเรื่องนี้ผมถึงกับเหวอ อ้าปากค้างไปเลย”
เมื่อตัดสินใจสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว วิลก็เริ่มหาข้อมูลรายละเอียด ลักษณะการพูด การเดิน ท่าทางของริชาร์ด ทั้งนั่งดูเทปการแข่งขันเป็นวันๆ รวมไปถึงการได้รับความช่วยเหลือจากสองพี่น้อง วีนัส-เซเรนา ในการให้คำแนะนำต่างๆ อีกด้วย
แอนดรูว์ การ์ฟิลด์
กลายเป็นดาราหนุ่มที่เนื้อหอมที่สุด เมื่อทุกสื่อต่างรุมทึ้งเขาเพื่อสอบถามถึงการกลับมารับบทสไปเดอร์แมนอีกครั้ง ระหว่างเริ่มเดินสายโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง Tick, Tick … Boom! ที่เขารับบทเป็นโจนาธาน ลาร์สัน นักประพันธ์เพลงละครเวทีชื่อดังผู้ล่วงลับในวัยหนุ่ม (แม้ว่าตอนนั้นเขาจะปฏิเสธอย่างแข็งขันจนทุกคนเกือบจะเชื่อแล้วก็ตาม) ซึ่งก็ทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าดาราหนุ่มคนนี้ นอกจากมีฝีไม้ลายมือด้านการแสดงแล้ว ยังมีพรสวรรค์ด้านการขับร้อง (และการโกหก) อีกด้วย!
“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเลยครับ” แอนดรูว์ย้อนถึงตอนที่ได้ชมตัดต่อแรกร่วมกันกับลิน-มานูเอล มิแรนดา (ผู้กำกับ) “มันทำให้ผมได้ย้อนกลับไปถามตัวเองตอนนั้น ว่าเป้าหมายอาชีพของเราคืออะไรกันแน่”
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ตัวของแอนดรูว์เองได้มีส่วนอย่างมากในการสร้างสรรค์ตัวละครให้ออกมาดูสมจริง เขาเน้นย้ำว่ามันสำคัญมากที่จะต้องทำให้ทุกคนเข้าใจถึงกระบวนการทางความคิดของโจนาธาน ลาร์สัน “เขาตื่นขึ้นมาทุกเช้า บังคับตัวเองนั่งอยู่หน้าเปียโน เพื่อแต่งเพลงขึ้นมาสักเพลง ท่ามกลางความล้มเหลว อดอยากและหิวโซ ไม่มีใครมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจเขา ไม่มีใครหยิบยื่นข้าวของเงินทองที่เขาควรจะได้ ที่สำคัญคือเขาเองก็ไม่มีโอกาสได้อยู่จนถึงวันที่ทุกคนสรรเสริญ เรื่องราวของเขากัดกินใจผมเอามากๆ ทีเดียว มันสะท้อนถึงชีวิตของศิลปินอย่างเราๆ ทุกคน”
ไม่ว่าคุณจะเชียร์ดาราชายคนไหนให้ได้รางวัลยอดเยี่ยมปีนี้ไปครอง อย่าลืม! มาร่วมลุ้นไปพร้อมกัน กับงานถ่ายทอดสดการประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 ส่งตรงจากสหรัฐอเมริกา เช้าวันจันทร์ที่ 28 มีนาคมนี้ เวลา 7.00 น. (เริ่มเดินพรมแดงเวลา 5.30 น.) ทางช่อง True Film 1 หมายเลข 115, 222 ที่ทรูวิชั่นส์ ที่เดียว!
OSCARS
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial