ถอดบทเรียนภัยพิบัติเกาหลี จาก "The Tower"

ถอดบทเรียนภัยพิบัติเกาหลี จาก "The Tower"
ใครที่ได้ติดตามข่าวโศกนาฏกรรม “อิแทวอน” คงจะสะเทือนใจกันอย่างทั่วหน้า เพราะจากความตั้งใจจะไปหาความสุขในช่วงเทศกาล กลับต้องพบกับความสูญเสีย จนถึงตอนนี้ทั่วโลกต่างร่วมกันไว้อาลัยให้กับหลายชีวิตที่จากไปในเหตุการณ์ครั้งนี้

จากเหตุการณ์ดังกล่าวหลายคน หลายหน่วยงาน และหลายสังคมคงจะต้องมาถอดบทเรียนถึงแนวทางการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเศร้าแบบนี้ขึ้นอีก แน่นอนเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น 

 

จะว่าไปเกาหลีเองทำหนังแนวหายนะออกมาหลายต่อหลายเรื่องและทำได้ดีซะด้วย หากเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเชื่อว่าชาติที่มีความเจริญอย่าง “เกาหลี” คงจะรับมืออยู่ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่ “อิแทวอน” มันเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาและหาแนวทางการแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้าได้ 

 

ทีนี้มาดูหนังแนวหายนะ ที่ทำได้ดี และประสบความสำเร็จมากๆ อย่างเรื่อง “The Tower” (เดอะ ทาวเวอร์ ระฟ้าฝ่านรก) หนังสร้างปรากฏการณ์ ทำรายได้ถล่มทลายใน 2 วันแรกที่เข้าฉาย 

 

The Tower  ได้แรงบันดาลใจจาก “The Tower Inferno”  ของฮอลลีวูดที่ออกฉายในปี 1974 บอกเล่าเรื่องราวหายนะของตึกสมมติชื่อทาวเวอร์สกายในกรุงโซล ตึกระฟ้าสุดหรู ที่มีการจัดงานเลี้ยงวันคริสต์มาส แต่แล้วหายนะก็เกิดขึ้น 

 

เรื่องราวเกิดขึ้นในค่ำคืนปาร์ตี้ก่อนคริสต์มาส ขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุข เฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ลำหนึ่งได้บินพุ่งชนตึกหลังนี้อย่างจัง ทำให้ไฟลุกท่วมและสร้างความเสียหายไปทั่วทั้งตึก ทุกคนต้องหนีตายเอาตัวรอด ทำงานแข่งกับเวลา มีฉากการสูญเสียและสะเทือนขวัญมาก ที่สำคัญเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ประสบภัยให้ได้มากที่สุด และแน่นอนย่อมต้องเกิดการสูญเสียเกิดขึ้น 

 

สถานการณ์ของหนังถ่ายทอดเหตุการณ์ออกมาได้อย่างสมจริง มีฉากสะเทือนใจให้เห็นไม่น้อย ประเด็นที่น่าพูดถึงคือ มีการเอาประเด็นสังคมมาถ่ายทอดแบบตรงๆ อย่างภัยพิบัติครั้งนี้ที่เกิดขึ้นก็เพราะความประมาทของมนุษย์ ซึ่งเราได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ในสถานการณ์จริงมากมาย หากประมาทกับชีวิตเพียงนิดเดียว อาจส่งผลต่อชีวิตของตัวเองและผู้อื่นได้เป็นจำนวนมาก  การดูหนังเรื่องนี้ เราสามารถถอดบทเรียนได้หลายประเด็น

 

ประเด็นแรกเลย คือเรื่องของความประมาทให้เราตั้งสติเตือนตัวเอง อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย แต่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นก็ตั้งสติ หาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ ทั้งนี้การหาความรู้รอบตัว และการดูข่าวเหตุการณ์ต่างๆอย่างมีสติก็ช่วยได้ 

 

 ในหนังเรื่องนี้ยังเน้นประเด็นว่าด้วยความเหลื่อมล้ำทางสังคมเป็นเรื่องตลกร้ายแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความจริง เราได้เห็นจากหนังภัยพิบัติในหลายๆเรื่อง อย่างในหนังเรื่องนี้ เหล่านักผจญเพลิงได้รับคำสั่งให้ช่วยบุคคลสำคัญลงมาก่อน ส่วนคนทั่วไปก็จะได้รับความช่วยเหลือทีหลัง เราซึ่งเป็นคนธรรมดาเรื่องนี้ทำใจรอไว้เลย สิ่งที่ดีที่สุดคือการช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งก็จะวกกลับไปในประเด็นแรกคือการดึงสตินั่นเอง

 

หนังเดินตามสูตรของหนังหายนะ ที่มีตัวละครที่หลากหลายทั้งเพศ, อายุ, อาชีพ, ฐานะทางสังคม เข้ามาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด ซึ่งจะได้เห็นนิสัยอันแท้จริงของมนุษย์แต่ละคนว่ามีความเห็นแก่ตัวมากน้อยแค่ไหน ถึงเราจะพยายามเอาตัวรอดแต่ก็จะต้องเจอคนที่เห็นแก่ตัวในทุกสถานการณ์ แต่ในทุกเหตุการณ์ย่อมต้องมีวีรบุรุษเป็นธรรมดาของมนุษย์โลก ขึ้นอยู่กับว่าในสถานการณ์นั้นเราจะเลือกเป็นคนประเภทไหน 

 

ประเด็นที่น่าชื่นชมคือ การถ่ายทอดวีรกรรมของนักผจญเพลิงที่ต้องวิ่งเข้าหาไฟเพื่อช่วยชีวิตผู้ประสบภัย ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความเสี่ยงอันตรายอย่างที่สุดในอาชีพนี้ ดังนั้นบุคคลที่เลือกจะเป็นตำรวจดับเพลิงจึงควรค่าแก่การชื่นชมอย่างที่สุด นี่คือความน่าสนใจของ The Tower

มาติดตามการเอาตัวรอดของพวกเขาและเธอ การเสียสละของฮีโร่ของเรื่องนี้ กันได้ในวัน เสาร์ที่ 5  พ.ย.   65  ทางช่อง True Film Asia  (237)  เวลา 20:00 น.

#TrueVisions #TrueFilmAsia #TheTower #ซนเยจิน 

------------------------------------------------------------------------------------------

รับชมครบ จบ ทุกความบันเทิงกันได้ รีบสมัครเข้ามาชมกันนะคะ 

รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-700-8000 www.truevisions.co.th

สมัครสมาชิกทรูวิชั่นส์ https://bit.ly/39MvtTT

The Tower

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial