เผลอแปปเดียวศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษก็กำลังจะกลับมาแข่งขันฤดูกาลใหม่กันอีกครั้ง นับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกราวๆ 1 เดือนเศษๆ เท่านั้น แฟนบอลก็จะสิ้นสุดการรอคอยกันแล้ว
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่การเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนักเตะ รวมถึงกุนซือที่หลายสโมสรปรับเปลี่ยนจากฤดูกาลที่ผ่านมา มันทำให้พวกเขาคาดหวังและอยากจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงของแต่ละทีมนั้นจะเป็นไปในทิศทางใด
โดยเฉพาะบรรดาทีมแถวบนของตาราง หรือบิ๊ก 6 การขยับเดินเตรียมความพร้อมแต่ละก้าวนั้นย่อมได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะทีมในกลุ่มเดียวกันที่จำเป็นจะต้องประเมินทีมตัวเองควบคู่ไปกับคู่แข่งด้วย
อย่างก่อนหน้านี้ 2 ทีมที่ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์มาจนถึงเกมนัดสุดท้ายทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต่างก็แสดงให้เห็นถึงคำว่าทันกันทั้งในและนอกสนาม
เพราะภายหลังจากที่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์ได้ไม่นาน พวกเขาก็ประกาศไล่ล่าความสำเร็จต่อเนื่องกับการกระชากตัว เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ ดาวรุ่งเนื้อหอมชาวนอร์เวย์ ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้ามาร่วมทีม
ขณะที่ทางฝั่งพลพรรค "หงส์แดง" ก็อยู่เฉยไม่ได้ เมื่อคู่แข่งแย่งแชมป์โดยตรงติดอาวุธหนักแบบนี้เลยต้องมองหานักเตะที่จะมายกระดับทีมเช่นกัน จึงตัดสินใจทุ่มเงินราว 100 ล้านยูโร ปาดหน้าทุกสโมสรกระชากตัว ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าชาวอุรุกวัย มาจากเบนฟิก้า เข้ามาวัดกันสักตั้ง!
นี่แค่การจั่วหัวเสริมทัพของ 2 ทีมลุ้นแชมป์ก็เล่นเอาสะเทือนทั้งลีกแล้ว แน่นอนว่าอีก 4 สโมสรที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในข่ายบิ๊ก 6 ก็จะมัวรีรอไม่ได้ จะว่าไปแล้วก็น่าเหนื่อยใจแทนทีมอันดับล่างลงมา เพราะขนาดยังไม่เสริมช่องว่างที่ทั้งสองทีมทิ้งเอาไว้ก็นำหน้าคู่แข่งไปหลายช่วงตัว
เมื่อโครงสร้างทีมกำลังมาดีอยู่แล้วพวกเขาก็พร้อมออกสตาร์ทติดเครื่องเร็วตั้งแต่ต้นทันที ยิ่งพอหันมองโปรแกรมนัดเปิดฤดูกาลของพวกเขาแล้วก็แทบจะลูบปากรอได้เลย
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ทีมแชมป์เก่ามีคิวออกไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็คงไม่ใช่งานที่ยากเย็นอะไรนัก ถึงแม้ว่าฤดูกาลที่ผ่านมา ทัพ"ขุนค้อน" จะทำแสบๆคันๆเอาไว้บ้างกับการเขี่ย แมนฯซิตี้ ตกรอบบอลถ้วยลีกคัพ รวมถึงเปิดบ้านยันเสมอ 2-2 ทำให้การลุ้นแชมป์ยืดเยื้อจนแอบมีเสียวถึงเกมสุดท้ายก็ตาม
บวกกับทางฝั่ง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อาจจะเสียขุมกำลังหลักออกไปหลายคน ทำให้พวกเขาต้องจูนกันใหม่ เกมแรกอาจจะยังไม่ลงตัว ผิดกับแชมป์เก่าชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ดูรวมๆแล้ว 3 แต้มไม่หลุดลอยแน่นอน
ลิเวอร์พูล
ส่วนทัพ "หงส์แดง" ที่แม้จะเสียกำลังสำคัญอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ออกไปให้กับ บาเยิร์น มิวนิค แต่การได้ นูนเญซ เข้ามาก็ถือว่าเพิ่มมิติความหลากหลายได้เยอะมาก บางทีนี่อาจจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่ดูจะขาดหายไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา พอได้มาเติมเต็มก็ยิ่งทำให้ทีมมีความสมบูรณ์มากขึ้น
แถมโปรแกรมเปิดซีซั่นก็มีคิวรับน้องสยองขวัญ กับการออกไปเยือน ฟูแล่ม เรื่องชัยชนะคงไม่เหนือบ่ากว่าแรก รอแค่จะจัดหนักหรือเอาเบาะๆ พอหอมปากหอมคอให้กับน้องใหม่หน้าเก่าทีมนี้เท่านั้น
เชลซี
โยกมาดูทางฝั่งเชลซี ที่จบอันดับ3 ก็กำลังจะจัดหนักแน่นอนเพราะพวกเขาเพิ่งจะเสีย โรเมลู ลูกากู ไปให้กับ อินเตอร์ มิลาน แบบยืมตัว
ที่เหลือก็แค่ลุ้นว่าใครจะเข้ามาแทนที่ แต่รับรองได้เลย ระดับ เชลซี เสริมทั้งทีจะต้องเป็นเบอร์ต้นๆ ของยุโรปแน่นอน แถมได้เจ้าของคนใหม่ก็น่าจะจัดเต็มแบบไม่กั๊กเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากแฟนบอลสักหน่อย
ทัพ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" จะได้เปิดซีซั่นด้วยการออกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ทีมที่รอดตกชั้นแบบฉิวเฉียดเมื่อซีซั่นที่แล้ว ดูหน้าไหนก็ไม่น่าจะต้านทานได้ไหว ยิ่ง เชลซี มักจะเป็นทีมที่ออกสตาร์ทได้ดีในหลายๆฤดูกาลที่ผ่านมา เกมนัดนี้ก็คงจะไม่พลาดเก็บ 3 แต้มเต็มแน่นอน
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
ถัดมาเป็น สโมสรท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ปาดหน้า อาร์เซน่อล คว้าตั๋วลุยศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น
จากทีมที่ดูเหมือนจะไร้ใจในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล แต่การเข้ามาของ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ฉุด สเปอร์ ขึ้นมาจากเล้าได้แบบเหลือเชื่อ เขาอัปเกรดทีมนี้จนกลายเป็นทีมที่เล่นด้วยความแน่นอน ทั้งรับเหนียว รุกเด่น สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ
แต่มือระดับ คอนเต้ การได้ตั๋วไปฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป เป็นเพียงโจทย์แรกที่ต้องทำเมื่อซีซั่นที่แล้วเท่านั้น มันยังไม่ใช่เป้าหมายหลักในแผนงานของเขาแน่นอน เพราะที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นมาแล้วว่าจุดหมายปลายทางการทำทีมของเขาคือแชมป์
การได้ปรุงแต่งทีมของตัวเองตั้งแต่เริ่ม น่าดูชมเหลือเกินว่า ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในซีซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึงจะเป็นอย่างไร ดุดันขึ้นมากขนาดไหน และดีพอกับการเบียดแย่งแชมป์ได้หรือยัง
ซึ่งแน่นอนว่าการจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ ทุกนัด ทุกคะแนน ล้วนมีความหมาย ทัพ "ไก่เดือยทอง" จะเปิดหัวด้วยการเล่นในบ้านรับมือ เซาแธมป์ตัน ดูจากมาตรฐานทีมแล้วก็ไม่น่าจะพลาดกับการเก็บชัยชนะ เปิดหัวสวยๆเพื่อให้ได้มีลุ้นแบบยาวๆ
อาร์เซน่อล
โยกลงมาดูทีมอย่าง อาร์เซน่อล ที่ต้องยอมรับว่าพวกเขาทำดีที่สุดแล้วในซีซั่นที่ผ่านมา เพราะต้องไม่ลืมว่าหลังผ่านครึ่งฤดูกาลพวกเขายังจมอยู่ในครึ่งล่างของตารางด้วยซ้ำ
แต่พอทีมของ อาร์เตต้า เริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็โกยคะแนนอย่างเป็นกอบเป็นกำ จนขึ้นมาลุ้นท็อป 4 ได้แบบเหลือเชื่อแล้ว เพียงแค่ขาดความสม่ำเสมอตามประสาทีมพลังหนุ่มที่รอวันเฉิดฉายก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในซีซั่นที่ผ่านมาน่าจะทำให้พวกเขาค้นหาทางของตัวเองเจอแล้ว เหลือเพียงแค่เพิ่มเติมรายละเอียดอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" หวังได้ไกลกว่าการจบอันดับ5 แน่นอน
เกมนัดแรกของพวกเขาจะออกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ที่เมื่อซีซั่นก่อนบุกไปโดนอัดมาถึง 0-3 และเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่มาดับเครื่อง อาร์เซน่อล จนส่งผลให้พลาดตั๋วไป UCL
เพราะฉะนั้นการเจอกันตั้งแต่นัดแรกแบบนี้ อาร์เตต้า มีเป้าหมายเดียวคือล้างแค้นให้ได้ เพื่อพาทีมออกสตาร์ทแบบเหมือนฝันกับ 3 แต้มในศึกดาร์บี้แมตช์แห่งกรุงลอนดอน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปิดท้ายกันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่ถูกแซวว่าคอนเทนต์โดดเด่นกว่าผลงานในสนาม แต่ก็นับว่าโชคดีที่อย่างน้อยๆยังได้ตั๋วไปลุยถ้วยรองของยุโรปปลอบใจ ไม่ตกต่ำถึงขนาดต้องไปตะลุยถ้วยใบที่ 3
การเปลี่ยนแปลงแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ไม่จบฤดูกาลคือตัวกุนซือ ที่ดึง เอริค เทนฮาก เข้ามาคุมทีม ทำให้แฟนบอลกลับมามีความหวังอยากที่จะเห็นกุนซือหนุ่มไฟแรงคนนี้สร้างทีมขึ้นมาต่อกรกับบรรดาหัวตารางได้แบบสูสีมากกว่านี้
เพราะภาพจำในซีซั่นที่ผ่านมา เจอทีมหัวตารางทีไรก็ไปไม่เป็นตลอด มันบ่งบอกช่องว่างชัดเจนว่ายังห่างไกลกลับความสำเร็จที่พวกเขาเคยทำได้ หากหวังที่จะกลับไปครองบัลลังก์อีกครั้งก็จำเป็นจะต้องยกระดับทีมให้สูงกว่านี้ แต่ลำพังจะใช้เวลาแค่ 1-2 ซีซั่นคงจะเร็วเกินไปหน่อย
หนึ่งสิ่งที่พอจะแอบลุ้นได้คือการได้เห็นทิศทางดีดีที่เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของกุนซือคนใหม่ อย่างน้อยๆเกมเปิดซีซั่นที่จะได้ลงเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง เจอกับ ไบร์ทตัน ก็ควรที่จะเดินเครื่องเก็บชัยชนะแบบสวยๆเพื่อเรียกขวัญกำลังใจในการเริ่มต้นที่ดี
เพราะเชื่อว่าแฟนๆปีศาจแดง ยังคงไม่ลืมความพ่ายแพ้ที่บุกไปโดนไบร์ทตัน สอนเชิงแบบแสบๆ 0-4 ในเกมนัดรองสุดท้ายของเมื่อซีซั่นก่อน หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ควรจะเป็นเกมการแก้แค้นของแมนฯยูฯ แต่หากเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในแบบฉบับคาบ้าน!...งานนี้ก็ตัวใครตัวมัน!
ลองคิดเล่นๆถ้าทั้ง 6 ทีมเก็บชัยชนะได้อย่างพร้อมเพรียงตามเป้าหมายจริงอย่างที่เราคุยกันมา ก็น่าจะยิ่งเพิ่มดีกรีความเข้นข้นขึ้นไปตั้งแต่ออกตัว ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นอะไรที่น่าติดตามรับชมเป็นอย่างยิ่ง
แฟนบอลสามารถติดตามความมันแบบเฉพาะของศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สดทุกคู่ ได้ทางทรูวิชั่นส์
getty images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial