เมื่อช่วงค่ำของวันพุธที่ผ่านมา แฟนๆ ลิเวอร์พูล ส่วนใหญ่น่าจะตื่นเต้นกันไม่น้อย เมื่อมีรายงานว่า ลิเวอร์พูล ได้ทำการยื่นข้อเสนอเพื่อขอซื้อตัว ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าดีกรีทีมชาติอุรุกวัยของ เบนฟิก้า แล้ว ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 85 ล้านปอนด์!
ในรายงานข่าวระบุว่า ลิเวอร์พูล จะจ่ายเงินการันตีที่ 80 ล้านยูโร ส่วนอีก 20 ล้านยูโรจะเป็นในส่วนของ add-ons หรือโบนัสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในรายงานข่าวไม่ได้แจกแจงรายละเอียดว่าการจ่ายเงินจะเป็นลักษณะอย่างไร 80 ล้านที่เป็นเงินก้อนแรกจะผ่อนจ่ายกี่งวด ระยะเวลาเท่าไหร่ และอีก 20 ล้านที่เป็นโบนัสนั้นเงื่อนไขเป็นอย่างไร จะเกิดขึ้นได้ยากง่ายแค่ไหน...
อย่างไรก็ตาม การยื่นข้อเสนอครั้งนี้ถ้าทาง เบนฟิก้า ตอบรับ และการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง นั่นหมายความว่านี่จะเป็นการซื้อที่ทุบสถิติสโมสรของ ลิเวอร์พูล ครั้งใหม่ ทำลายสถิติเก่า 75 ล้านปอนด์ของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ตอนที่ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน มาร่วมถิ่นแอนฟิลด์เมื่อเดือนมกราคมปี 2018 ราบคาบ
ทำไม ลิเวอร์พูล ถึงยอมจ่ายขนาดนี้เพื่อ นูนเญซ ทั้งๆ ที่ผ่านมาพวกเขามักจะใช้เงินแบบระมัดระวังอยู่เสมอ ถ้าจะซื้อก็จะไม่ใช่ราคาที่แพงเกินจริงเท่าไหร่นัก อย่างเช่นในรายล่าสุดอย่าง หลุยส์ ดิอาซ ปีกทีมชาติโคลอมเบียที่มาจาก เอฟซี ปอร์โต้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาในราคา 37.5 ล้านปอนด์ โดยมีโบนัสเพิ่มเติมในอนาคตอีก 12.5 ล้านปอนด์ ซึ่งรวมแล้วก็อยู่ที่ 50 ล้านปอนด์เท่านั้น
นั่นน่าจะหมายความว่า นี่คือนักเตะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการจริงๆ และมองว่าจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะสานต่อความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต คล้ายกับตอนที่กุนซือเยอรมันต้องการให้ทีมคว้าตัว ฟาน ไดค์ มาร่วมทีมให้ได้ รวมถึงตอนที่ยอมควักเงินสูงถึง 66.8 ล้านปอนด์เมื่อหน้าร้อนปี 2018 ในการคว้าตัว อลิสซง เบคเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิลมาจาก โรม่า ซึ่งในตอนนั้นถือเป็นสถิติผู้รักษาประตูที่แพงที่สุดในโลกตลอดกาลทันที
ก่อนที่อีก 4 สัปดาห์ให้หลัง เชลซี จะไปซื้อ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า มาจาก แอธเลติก บิลเบา ที่ราคา 71.6 ล้านปอนด์ เลยทำให้ เกป้า กลายเป็นโกล์ราคาแพงที่สุดในโลกคนใหม่ แต่ถ้าหากเทียบผลงานกันแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าใครที่จ่ายเงินคุ้มกว่ากัน
การยื่นซื้อ นูนเญซ ในครั้งนี้ของ ลิเวอร์พูล รวมถึงย้อนกลับไปดูดีลอื่นๆ ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าทีมหงส์แดงในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้เป็นทีมที่ไม่ใช้เงิน พวกเขาใช้เงินไปไม่น้อยกับการสร้างทีมตลอด 7 ปีของเทรนเนอร์ชาวเยอรมัน แต่สิ่งที่ ลิเวอร์พูล แตกต่างไปจากทีมอื่นคือพวกเขาขายนักเตะออกไปเพื่อนำเงินกลับมาทดแทนด้วย
อย่างเช่นการจ่าย 75 ล้านปอนด์ และ 66.8 ล้านปอนด์ภายในปี 2018 เพื่อเป็นค่าตัวของ ฟาน ไดค์ และ อลิสซง รวมกันก็เป็นเงินมหาศาลถึง 141.8 ล้านปอนด์ ซึ่งการที่ ลิเวอร์พูล จ่ายได้มากขนาดนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการขาย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ไปให้กับ บาร์เซโลน่า ในเดือนมกราคมปีเดียวกัน ที่ราคา 105 ล้านปอนด์โดยมี add-ons ที่สามารถเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 142 ล้านปอนด์ นั่นเอง
ดังนั้นจะบอกว่าค่าตัวของ คูตินโญ่ นี่แหละ ทำให้ ลิเวอร์พูล มีเงินไปลงทุนในการซื้อ ฟาน ไดค์ และ อลิสซง เข้ามา และทั้งคู่ก็กลายเป็นคีย์แมนสำคัญในการไล่ล่าความสำเร็จของทีมหงส์แดงนับตั้งแต่ตอนนั้น เพราะแชมป์รายการสำคัญอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ได้สองคนนี้เข้ามาร่วมทีม
ทำให้เมื่อหักลบกลบหนี้แล้ว ลิเวอร์พูล ไม่ได้เจ็บตัวจากการใช้เงินมากเท่าไหร่ แถมส่วนใหญ่แล้วการลงทุนของพวกเขามาจากการทำการบ้านเป็นอย่างดี ทำให้ระยะหลังไม่ค่อยมีตัวที่ซื้อมาแล้วน่าผิดหวังมากเท่าไหร่นัก
อาจจะมีอยู่บ้าง อาทิ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หรือ นาบี เกอิต้า ที่ใช้เวลาไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บเป็นส่วนใหญ่ และผลงานในสนามก็ไม่ค่อยเด่นชัด แต่นอกเหนือไปจากนี้ ส่วนใหญ่แล้วถือว่าปังมากกว่าแป้ก
ดังนั้นคราวนี้ที่ ลิเวอร์พูล กล้าทุ่มเงินมากถึง 85 ล้านปอนด์ เป็นสถิติใหม่ของสโมสร นั่นหมายความว่าพวกเขาน่าจะต้องมีการเล่นแร่แปรธาตุ ซื้อมาขายไปด้วยเช่นกัน
การมาของ นูนเญซ ย่อมหมายถึงการย้ายออกไปของนักเตะหลายราย ซึ่งตามรายงานข่าวเชื่อว่ามีหลายคนน่าจะถูกขายออกไปเพื่อเป็นการระดมทุนกลับเข้ามาให้เกิดความบาลานซ์ในด้านการเงิน
แน่นอนว่าคนแรกย่อมหนีไม่พ้น ซาดิโอ มาเน่ ที่ตกเป็นข่าวพัวพันกับ บาเยิร์น มิวนิค มาตลอด และทีมเสือใต้ก็ยื่นข้อเสนอเข้ามาถึงสองครั้งแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธไปทั้งสองครั้ง เพราะราคาที่ บาเยิร์น ยื่นมานั้นยังไม่เข้าใกล้กับที่ ลิเวอร์พูล ตั้งใจไว้ เนื่องจากพวกเขาต้องการค่าตัวของ มาเน่ ไม่น้อยกว่า 35 ล้านปอนด์
รายถัดมาตามรายงานข่าวคือ ทาคุมิ มินามิโนะ แนวรุกทีมชาติญี่ปุ่นที่มีสถานะเป็นเพียงแค่ตัวสำรองในทีมหงส์แดง ถูกตีราคาเอาไว้ที่ราว 17 ล้านปอนด์ และมี ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามารับเซ้งต่อ เนื่องจาก เจสซี่ มาร์ช กุนซือของลีดส์ คือเจ้านายเก่าของ "ทาคิ" สมัยที่เล่นอยู่กับ ซัลซ์บวร์ก ในลีกออสเตรียนั่นเอง
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมี เนโก้ วิลเลี่ยมส์ แบ็กขวาดาวรุ่งที่เตรียมปล่อยให้ ฟูแล่ม เป็นการถาวร รวมถึง แน็ท ฟิลลิปส์ ปราการหลังที่ไปโชว์ฟอร์มได้ดีกับ บอร์นมัธ ซึ่งทั้งสองคนต่างพาต้นสังกัดชั่วคราวของตัวเองได้เลื่อนชั้นกลับมาในพรีเมียร์ลีกปีหน้าทั้งคู่ และเชื่อว่า ลิเวอร์พูล คงไม่คิดที่จะเรียกกลับมาใช้งาน แต่น่าจะขายขาดออกไปเลย ซึ่งทั้งสองคนนี้ถูกตีราคารวมกันไว้ไม่น้อยกว่า 15 ล้านปอนด์
ยังมี อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน อีกราย ที่มีรายงานว่าคงจะย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงหน้าร้อนนี้เหมือนกัน ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นที่ไหน แต่กองกลางที่เหลือสัญญาปีเดียวรายนี้ คาดว่าจะมีราคาไม่น้อยกว่า 15 ล้านปอนด์
ดังนั้นเมื่อเอามารวมกันแล้ว ถ้าขายได้ตามราคาที่ตั้งใจไว้ อาจจะเผื่อโดนต่อราคาไปบ้าง ก็น่าจะทำให้ ลิเวอร์พูล ได้เงินกลับมาอย่างน้อยก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 75 ล้านปอนด์ ก็จะช่วยให้การลงทุนในการซื้อ นูนเญซ ไม่ได้หนักหนามากอย่างที่คิด
ที่สำคัญ นักเตะที่อยู่ในกลุ่มที่จะขาย ส่วนใหญ่แล้วเป็นนักเตะที่ ลิเวอร์พูล แทบจะไม่ค่อยได้ใช้งานเป็นตัวหลัก จะมีก็แค่ มาเน่ รายเดียวเท่านั้น แต่ก็ทดแทนได้ด้วยการมาขอว นูนเญซ ดังนั้นนี่น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า กับกองหน้าที่มีอายุ 22 กำลังจะ 23 ปีเต็มในช่วงปลายเดือนนี้
คำถามต่อมาก็คือ ดีลนี้ของ ลิเวอร์พูล จะจบลงเมื่อไหร่ ถ้าดูจากหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา การขยับตัวของ ลิเวอร์พูล มักจะเกิดขึ้นทันทีและจบลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ค่อยใช้เวลานานเท่าไหร่นักในการเจรจา หากว่ามีรายงานข่าวที่เชื่อถือได้ว่ายื่นข้อเสนอแล้ว ส่วนใหญ่มักจะไม่พลาด
พูดง่ายๆ ก็คือคนไหนที่มีข่าวด้วยเยอะๆ มักจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าดีลไหนที่เกิดขึ้น รายนั้นมักจะไม่ค่อยมีข่าว แฟนหงส์แดงแทบจะไม่รู้ตัวว่าจะซื้อ และจะเห็นข่าวรายงานความเคลื่อนไหวแบบทันทีทันใด ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานก็จะปิดดีลได้ เรียกว่าแทบไม่ต้องเสียเวลาลุ้น อย่างเช่นในรายของ ดีโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ ก็เกิดขึ้นแบบทันทีทันใดและจบลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ดันมี แมนฯ ยูไนเต็ด เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะก่อนที่จะมีข่าวว่า ลิเวอร์พูล ยื่นซื้อในราคา 85 ล้านปอนด์นั้น ทีมปีศาจแดงมีข่าวกับ นูนเญซ ก่อน ดังนั้นต้องติดตามกันต่อว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะปั่นราคาเพื่อแข่งกับ ลิเวอร์พูล ด้วยมั้ย หรือว่าจะยอมรามือไปเลยตั้งแต่ตอนนี้
เพราะถ้าวิเคราะห์ดูแล้ว การที่ ลิเวอร์พูล กล้ายื่นข้อเสนอให้ เบนฟิก้า นั่นน่าจะหมายความว่าพวกเขาบรรลุข้อตกลงส่วนตัวกับทางนักเตะได้แล้ว ซึ่งถ้าอ้างการรายงานจากสื่อของโปรตุเกสมีการระบุว่า นูนเญซ จะได้สัญญาจาก ลิเวอร์พูล 5 ปี ค่าเหนื่อยปีละ 8 ล้านยูโร ซึ่งถ้าหารออกมาเป็นเงินปอนด์ จะอยู่ที่ราว 130,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น
โอกาสพลิกสถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงมีไม่มากนัก ขึ้นอยู่กับตัวนักเตะเองมากกว่าว่าจะสนใจข้อเสนอจากทางฝั่งปีศาจแดงหรือไม่ เพราะถ้าเอาเฉพาะแค่ค่าจ้าง เชื่อว่า แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถจ่ายให้มากกว่า ลิเวอร์พูล แน่นอน อาจจะไปได้ถึงสัปดาห์ละ 250,000-300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ได้เลย แต่ปัญหาของยูไนเต็ดก็คือแรงดึงดูดที่น้อยกว่า เพราะสถานะของพวกเขาตอนนี้ไม่ใช่ทีมที่มีลุ้นแชมป์ แต่เป็นทีมที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่ แถมปีหน้าก็ไม่ได้ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ความน่าสนใจจึงน้อยกว่าอย่างช่วยไม่ได้
หากว่า นูนเญซ อยากได้ลุ้นความสำเร็จทันที การย้ายมา ลิเวอร์พูล ถือว่าเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ แต่ถ้ามองที่ค่าเหนื่อยเป็นสำคัญ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย...
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าโอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะพลาดได้ตัว นูนเญซ ถือว่าน้อยมากๆ แล้ว บางทีอาจจะปิดดีลได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้จริงถือว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าคงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ และก็น่าจะเป็นการช่วงชิงระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ แชมป์เก่าอีกครั้ง หลังจากที่ทีมเรือใบสีฟ้าได้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เสริมคมไปแล้วก่อนหน้านี้
ดังนั้นการมาของ นูนเญซ จึงกลายเป็นอาวุธหนักชิ้นใหม่ของ ลิเวอร์พูล ทันที และกองหน้ารายนี้อาจจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ทีมหงส์แดงกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งในฤดูกาลหน้าก็เป็นได้...
ภาพจาก Getty Images
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :
Website : www.truevisions.co.th
Facebook : Truevisions
Twitter : @TrueVisions
Line : @Truevisions
Youtube official : Truevisionsofficial
Instagram : Truevisionsofficial