แลมพาร์ดชี้ใบแดงเปลี่ยนทุกสิ่ง หลังพ่ายเบรนท์ฟอร์ดคาบ้าน

ในเกมที่ กูดิสัน พาร์ค เอฟเวอร์ตัน ลงสนามเป็นคู่สุดท้ายในวันอาทิตย์ โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าหากเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ได้ พวกเขาจะรอดพ้นจากการตกชั้นทันที หลัง ลีดส์ ยูไนเต็ด ทำได้แค่เสมอกับ ไบรท์ตัน ไป 1-1 รวมถึง เบิร์นลี่ย์ ก็บุกไปแพ้ สเปอร์ส 0-1 ส่งผลให้ถ้าเก็บได้ถึง 39 แต้ม จะรอดตกชั้นทันที ซึ่ง เอฟเวอร์ตัน นั้นมีอยู่ในมือแล้ว 36 คะแนนจาก 35 เกมที่ผ่านมา

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจ เมื่อ เอฟเวอร์ตัน ออกนำได้อย่างรวดเร็ว 1-0 จาก โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน ตั้งแต่นาทีที่ 10 อย่างไรก็ตาม ในนาทีที่ 18 เอฟเวอร์ตัน ต้องมาเหลือ 10 คน เมื่อ จาร์ราด แบรนธ์เวต กองหลังดาวรุ่งโดนใบแดงจากการไปทำฟาล์วจังหวะหลุดเดี่ยวของ อีวาน โทนี่ย์ กองหน้าของ เบรนท์ฟอร์ด ทำให้รูปเกมตกเป็นรองทันที และมาโดนตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 37 จากจังหวะที่ โยอันน์ วิสซ่า ยิงไปแฉลบ เชมัส โคลแมน เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง

อย่างไรก็ตาม นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน มาได้จุดโทษหลังจากที่ ริชาร์ลิซอน กองหน้าตัวเก่งโดนทำฟาล์ว ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นมายิงจุดโทษด้วยตนเองตุงตาข่าย ทำให้จบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน นำอยู่ 2-1

แต่จากการที่เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เกมของ เอฟเวอร์ตัน ไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด และมาโดนยิงสองประตูรวดในนาทีที่ 62 และ 64 จาก โยอันน์ วิสซ่า และ ริโก้ เฮนรี่ ทำให้ เบรนท์ฟอร์ด พลิกนำ 3-2 ก่อนที่ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 88 ซาโลมอน รอนดอน กองหน้าตัวสำรองของเอฟเวอร์ตัน มาโดนใบแดงเพิ่มอีกราย ทำให้ต้องจบเกมด้วยความพ่ายแพ้ และยังต้องลุ้นหนีตกชั้นต่อไปในอีก 2 เกมที่เหลือ  

หลังจบเกม แลมพาร์ด กล่าวว่า "ตอนแรกมันค่อนข้างง่าย เราครองเกมได้และน่าจะทำประตูได้มากกว่านี้ แต่ใบแดงนั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง คุณย่อมไม่สามารถเล่น 10 คนเป็นเวลา 70 นาทีในเกมระดับพรีเมียร์ลีก และคาดหวังอะไรได้มากมายนัก"

"ประตูที่พวกเขาได้นั้นมาจากลูกเตะมุม หลังจากนั้นก็ตามมาอีกประตูอย่างรวดเร็ว แฟนๆ ให้กำลังใจเราอย่างเต็มที่แล้ว และหลังจากนี้เราต้องเดินหน้าให้ได้อีกครั้งในเกมวันพฤหัสบดีนี้"

"ตอนนี้ผมหวังว่า ไมเคิ่ล คีน จะฟิตกลับมาได้ เซนเตอร์ฮาล์ฟของเราหายหน้าไปถึง 3 คน และมันเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาผลการแข่งขันแบบนี้ แต่เราจะสู้ต่อไปจนกว่าทุกอย่างจะจบ ตอนนี้เราต้องพักผ่อน หากว่าเรามองในแง่บวก ทุกอย่างมันยังอยู่ในมือของเรา และเราจะทำให้ได้อีกครั้ง"