เรือใบสีฟ้าหวังชนะเชลซี ฉลองถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกต่อหน้าแฟนๆ

พรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี้ พบ เชลซี
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
เวลา : 22.00 น. วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2566
ถ่ายทอดสดทาง : True Premier Football 1, 2 (ช่อง 600, 602)

แมนฯ ซิตี้
ทีมเรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ต้องเหนื่อยในเกมนี้ หลังจากที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มาครองได้เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจาก อาร์เซน่อล ที่ลงเล่นก่อนในวันเสาร์ ดันบุกไปแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 ทำให้แต้มขาดในทันที อย่างไรก็ตาม ทีมเรือใบสีฟ้า คงยังต้องเล่นเต็มที่เพราะเกมนี้จะเป็นการเล่นในบ้านเป็นนัดสุดท้ายของซีซั่น เป็นการส่งท้ายให้แฟนบอลในฤดูกาลนี้ และยังจะมีพิธีฉลองถ้วยแชมป์หลังจบเกมอีกด้วย ขณะเดียวกัน ฟอร์มในช่วงที่ผ่านมาของ แมนฯ ซิตี้ ก็ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ไม่แพ้ใครมา 23 เกมติดต่อกันในทุกรายการ โดยเป็นการชนะ 18 เสมอ 4 และถ้าหากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกอย่างเดียว พวกเขาชนะมา 11 เกมติดต่อกันแล้ว โดยเกมลีกนัดล่าสุดคือการบุกชนะ เอฟเวอร์ตัน ขาดลอย 3-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ถ้าเป็นเกมล่าสุดจริงๆ ที่ แมนฯ ซิตี้ ลงเล่น คือเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดที่สอง ที่เปิดบ้านถล่ม เรอัล มาดริด ขาดลอย 4-0 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ลอยลำเข้าชิงเป็นที่เรียบร้อย

ในส่วนของสภาพทีมล่าสุดนั้น แมนฯ ซิตี้ มีทีมที่สมบูรณ์มาก โดยจะไม่มีเพียงแค่ เนธาน อาเก้ เพียงรายเดียวเท่านั้นที่มีอาการบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย ส่วนที่เหลือไม่มีปัญหา ฟิตพร้อมลงสนามทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คาดว่าเกมนี้ กวาร์ดิโอล่า น่าจะมีการโรเตชั่นอยู่บ้างแน่นอน เนื่องจากทีมคว้าแชมป์มาครองแล้ว แต่อาจจะแค่บางตำแหน่ง ตัวหลักๆ หลายคนน่าจะยังลงเล่นอยู่ อาทิ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้ และ อิลคาย กุนโดกัน

เชลซี
เชลซี ภายใต้การนำของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผลงานย่ำแย่ไร้อนาคตสุดๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้ถึง 6 เกมติดต่อกันในทุกรายการ แม้ว่าล่าสุดจะไม่แพ้ใครมา 2 เกมติดต่อกันแล้ว โดยเป็นการชนะ 1 เสมอ 1 แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่น่าพอใจอยู่ดี โดยผลงานในเกมลีกนัดล่าสุดคือการเสมอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นั่้นทำให้ เชลซี เก็บไปแล้ว 43 คะแนนจากการลงเล่น 35 เกม รั้งอยู่อันดับที่ 12 ของตาราง ซึ่งสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เชลซี เหลือแค่ลงเล่นให้ครบตามโปรแกรมและทำอันดับบนตารางให้ดีที่สุดเท่านั้น เพราะต่อให้ชนะในอีก 3 เกมที่เหลือ ก็ไม่ได้ลุ้นอันดับไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปรายการไหนอยู่ดี

ในส่วนของสภาพทีม เชลซี ยังมีปัญหานักเตะบาดเจ็บหลายราย โดยจะไม่มีนักเตะอย่าง อาร์มันโด้ โบรย่า, คาลิดู คูลิบาลี่, เมสัน เมาท์, รีซ เจมส์, มาร์ก กูกูเรย่า, เบน ชิลเวลล์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ มาเตโอ โควาซิช ที่บาดเจ็บทั้งหมด โดยการจัดทีมในเกมนี้ แลมพาร์ด น่าจะยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมๆ จากเกมก่อนเป็นหลัก ในระบบ 4-3-3 ขณะที่สามประสานในแดนหน้าจะมี ชูเอา เฟลิกซ์ ยืนเป็นหน้าเป้า โดยที่มี โนนี่ มาดูเอเก้ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เล่นเป็นตัวด้านข้าง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส : จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, เอมเมอริก ลาปอร์กต์, มานูเอล อาคานจี : โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน : ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น : เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์

เชลซี (4-3-3) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า : เทรโวห์ ชาโลบาห์, เบอนัวต์ บาเดียชิล, ติอาโก้ ซิลวา, ลูอิส ฮอลล์ : คอเนอร์ กัลลาเกอร์, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, รูเบน ลอฟตัส-ชีค : โนนี่ มาดูเอเก้, ชูเอา เฟลิกซ์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

ความน่าจะเป็น : แม้ว่าจะเป็นเกมที่ไม่มีความหมายอะไรแล้ว แต่กระนั้นเชื่อว่า แมนฯ ซิตี้ ก็น่าจะยังเน้นเพื่อเป็นการตอบแทนแฟนบอลที่ตามมาเชียร์ในบ้านเป็นเกมสุดท้ายในฤดูกาลนี้ และเพื่อเป็นการฉลองแชมป์ที่สมศักดิ์ศรี ขณะที่ เชลซี ก็คงจะมาสู้เต็มที่ แต่ด้วยมาตรฐานการเล่นในช่วงที่ผ่านมาคงจะสู้กับเจ้าถิ่นได้ยาก รูปเกมน่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ครองบอลบุกได้มากกว่า และด้วยการเล่นที่ไร้แรงกดดัน น่าจะทำให้พวกเขาเล่นได้แบบสบายใจ และเอาชนะไปได้แบบไม่ยากนัก

สกอร์ที่คาด : แมนฯ ซิตี้ ชนะ เชลซี 2-0