ไซนซ์ ไม่พอใจ เฟอร์รารี่ โดนเรียกดับเบิ้ลสแต็ค

คาร์ลอส ไซนซ์ นักขับ เฟอร์รารี่ เปิดเผยความรู้สึกว่า ไม่พอใจกับแท็คติกของทีมใน ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อคืน 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การโดนปรับโทษแทร็คลิมิต 10 วินาทีจนร่วงจากอันดับ 4 มาเป็นอันดับ 6 แต่อยู่ที่การบริหารจัดการ 

รอบที่ 15 ของการแข่งขันเกิดธงเหลือและมี Virtual Safety Car ออกมา หากรถคันไหนเข้าพิต จะมีการคืนเวลาให้ 8 วินาที แต่ เฟอร์รารี่ เรียก เลอแกลร์ และ ไซนซ์ เข้าต่อกันเป็นดับเบิ้ลสแต็ค ซึ่งใช้เวลาไปมากกับรถของ เลอแกลร์ ทำให้ ไซนซ์ ที่ตามหลังมาเสียเวลาไปด้วย 

นักขับชาวสเปนกล่าวว่า “ช่องว่างมันเพิ่มจาก 0.4 วินาที เพราะผมตามหลังเขา (เลอแกลร์) กลายเป็น 6-7 วินาทีแล้วก็ยังมาเสีย 3 ตำแหน่งจากการเข้าพิตครั้งแรก ผมก็เล่นไปตามเกมที่ทีมสั่ง รออยู่ข้างหลัง กลายเป็นว่าผมโดนลงโทษด้วยการเข้าพิต เสียเวลา 6 วินาที เสียตำแหน่งด้วยตอนที่หมดช่วง VSC ทั้งที่เราสามารถทำอะไรที่แตกต่างจากนี้ได้” 

“ตอนที่มี VSC ผมอยู่ที่โค้ง 9 ไม่ใช่ตำแหน่งที่ควรโดนเรียก มันคงจะดีกว่าถ้าผมวิ่งต่อไปข้างนอก แล้วค่อยเรียกผมเข้าในรอบถัดไป ตอนที่ VSC ผ่านไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เราต้องกลับมาวิเคราะห์ ผมเสียเวลาในการเอาตำแหน่งกลับมา ซึ่งผมก็ทำได้รวดเร็วน่ะล่ะ แล้วพอมาโดนเรื่องแทร็คลิมิตเพิ่ม ผมก็ต้องยอมๆ ไป”

ระหว่างตามหลัง เลอแกลร์ อยู่ในอันดับ 3 และเหลืออีกไม่ถึง 10 รอบ ด้วยยางที่เสื่อมสภาพไปบ้าง ไซนซ์ ยังต่อสู้กับ เซอร์จิโอ เปเรซ เพื่อตำแหน่งสุดท้ายบนโพเดียม หรืออย่างน้อยก็ถ่วงเวลาเพื่อให้รถอีกคันได้ขึ้นโพเดียมด้วยอันดับที่ดีที่สุด และกลาวถึงประเด็นนี้ว่า “ผมไม่ได้อยากบอกว่าผมเหนือกว่า ผมก็ทำงานของผมอย่างดีที่สุดแล้ว ผมขับได้ดี ได้เร็วตลอดสุดสัปดาห์ ทำดีทุกอย่างทั้งการแซง หรือการป้องกัน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงหงุดหงิดกับผลที่ออกมา” 

เฟร็ด วาสเซอร์ หัวหน้าทีม เฟอร์รารี่ ตอบถึงประเด็นนี้ว่า “เป็นเรื่องดีที่ ชาร์ลส์ จบดีกว่า เปเรซ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตอนแรกเราตัดสินใจแค่ว่า เป้าหมายของทีมเราคือ พาตัวเองออกจากตำแหน่ง P4 P5 และเราจะไม่แข่งกันเอง ถ้าอยู่ข้างหลังแล้วใช้ DRS มันเร็วกว่าแน่ แต่เราไม่อยากให้พวกเขาสลับตำแหน่งกันทุก 2 รอบ นั่นคือกลยุทธของเรา”