"ม่วงมหากาฬปะทะขุนค้อน" การลุ้นแชมป์ยุโรปครั้งสำคัญของทั้งสองทีม

"ม่วงมหากาฬปะทะขุนค้อน" การลุ้นแชมป์ยุโรปครั้งสำคัญของทั้งสองทีม
ถ้วยที่สองของฟุตบอลยุโรปปีนี้มาถึงแล้ว หลังจากที่ได้แชมป์รายการแรกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน นั่นคือแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ที่ เซบีย่า เอาชนะ โรม่า ในการดวลจุดโทษไป 4-1 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ซึ่งในเกมนัดดังกล่าวก็มีดราม่าเรื่องของผู้ตัดสินตามมายกใหญ่

มาถึงวันนี้ เป็นคิวของถ้วยที่ 2 จาก 3 ถ้วยยุโรป นั่นคือ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนติน่า ปะทะ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งจะแข่งขันกันในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน เวลา 02.00 น. ซึ่งตรงกับช่วงดึกของคืนวันพุธ

การเจอกันของคู่นี้ ถือว่าเป็นอะไรที่สมน้ำสมเนื้อ เพราะเป็นสองทีมที่ระดับชั้นไม่ได้ต่างกันเกินไป แม้ว่าในภาพรวมทั้งฤดูกาล ฟิออเรนติน่า ดูจะทำได้ดีกว่า เพราะใน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี พวกเขาจบในอันดับที่ 8 ของตาราง เก็บได้ 56 แต้มจาก 38 นัด

ขณะที่ เวสต์แฮม มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่หล่นลงไปอยู่ในโซนล่างของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก และมีช่วงที่ต้องเร่งทำแต้มเพื่อหนีตกชั้นอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้าย ด้วยความเก๋าประสบการณ์ พวกเขาก็เอาตัวรอดมาได้ เมื่อเก็บได้ 40 คะแนนจาก 38 นัด จบอันดับที่ 14 ของตารางคะแนน อาจจะดูเหมือนคะแนนลอยตัว แต่กว่าพวกเขาจะรอดตกชั้นแบบแน่นอน ก็ต้องรอถึงช่วงนัดท้ายๆ ของซีซั่น ยิ่งฟอร์มการเล่นในลีกช่วง 7 เกมสุดท้ายนั้นไม่ดีเลย เพราะแพ้ไปถึง 5 เกม

แต่อย่างไรก็ตาม ฟอร์มในรายการอย่าง ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก กลับเป็นตรงกันข้าม เพราะตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ตั้งแต่ในเพลย์ออฟ, รอบแบ่งกลุ่ม จนถึงรอบน็อคเอาท์ ทีมขุนค้อนภายใต้การนำของ เดวิด มอยส์ นั้นมีผลงานที่ยอดเยี่ยมน่าเหลือเชื่อ เพราะทั้ง 14 เกมที่ผ่านมา พวกเขาชนะได้ถึง 13 เกม และเสมอแค่เกมเดียวเท่านั้น ไม่เคยแพ้เลยตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก

เส้นทางของ เวสต์แฮม ในรายการนี้นั้น พวกเขาเริ่มต้นจากรอบเพลย์ออฟ ด้วยการถล่ม วีบอร์ก ไปขาดลอย 2 นัด 6-1 จากนั้นในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขามาอยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับทีมอย่าง อันเดอร์เลทช์, ซิลเคบอร์ก และ เอฟซีเอสบี ซึ่ง เวสต์แฮม ก็จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นอันดับ 1 มีผลงานชนะ 6 เกมรวด ยิงได้ 13 เสีย 4 ประตู เก็บไป 18 แต้มเต็ม เข้ารอบน็อคเอาท์แบบสบายๆ

มาถึงในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาจับไปเจอกับ เออีเค ลาร์นาก้า จาก ไซปรัส ซึ่งมาตรฐานของ เวสต์แฮม ก็ยังเหนือกว่ามาก เอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 6-0 ลอยลำเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับ เกนท์ จาก เบลเยียม ซึ่งก็ยังไม่มีอะไรมาหยุดยั้งทีมของ เดวิด มอยส์ เมื่อจัดการเอาชนะ เกนท์ ไปแบบสบายๆ สองนัด 5-2 ซึ่งเกมเดียวที่ เวสต์แฮม หลุดเสมอในรายการนี้ ก็คือเกมที่บุกไปเสมอกับ เกนท์ 1-1 ในเกมเลกแรกนั่นเอง

มาถึงในรอบรองชนะเลิศ เวสต์แฮม ต้องเจอกับ อาแซด อัล์คมาร์ จาก เนเธอร์แลนด์ ถือว่าเป็นงานที่ไม่ง่าย แต่กระนั้นทีมขุนค้อนก็ยังเหนือกว่า เบียดชนะไปได้ทั้งสองเกมที่เจอกันด้วยสกอร์ 2-1 และ 1-0 รวมสองนัดเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 3-1

ขณะที่ทางฝั่งของ ฟิออเรนติน่า นั้น ถ้าดูเฉพาะผลงานใน กัลโช่ เซเรีย อา หรือในฟุตบอลลีก ถือว่าพวกเขามีผลงานที่ดูดีกว่า เวสต์แฮม อย่างชัดเจน เพราะจบในอันดับครึ่งบนของตาราง แต่กับในรายการ ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก นั้น ทีมม่วงมหากาฬมีหลุดแพ้ไปถึง 3 เกม ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา

โดยในรอบเพลย์ออฟนั้น พวกเขาล้ม เอฟซี ทเวนเต้ มาได้แบบฉิวเฉียด สกอร์รวมสองนัด 2-1 จากนั้นในรอบแบ่งกลุ่ม ฟิออเรนติน่า ถูกจับมาอยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับทีมอย่าง อิสตันบุล บาซัคเซเฮียร์, ฮาร์ท และ เอฟเค อาร์เอฟเอส ซึ่งก็ถือว่าไม่ใช่กลุ่มที่แข็งแกร่งมากนัก และถ้าดูกันตามชื่อชั้นแล้ว ฟิออเรนติน่า น่าจะสามารถจบรอบนี้ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มได้ แต่สุดท้ายเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 หลังเก็บไป 13 แต้มจาก 6 เกม มีผลงานชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 เท่ากันกับ บาซัคเซเฮียร์ แต่ทีมจากตุรกีเป็นแชมป์กลุ่มเพราะผลต่างประตูได้เสียดีกว่า

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟิออเรนติน่า ได้เจอกับ ซิวาสสปอร์ ทีมจากตุรกีเช่นกัน แต่ครั้งนี้ทีมวิโอล่าเหนือกว่ามาก เอาชนะไปสบายๆ สองนัด 5-1 ลอยลำเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปเจอกับ เลช พอซนาน จาก โปแลนด์ ซึ่ง ฟิออเรนติน่า ก็ยังเหนือกว่า เอาชนะไปสองนัด 6-4 ด้วยความที่เกมแรกชนะได้ก่อน 4-1 เลยทำให้เกมที่ถัดมาแม้จะแพ้ 3-2 แต่ก็ยังเพียงพอ

มาถึงในรอบตัดเชือก ฟิออเรนติน่า โคจรมาเจอกับของแข็งอย่าง เอฟซี บาเซิ่ล จาก สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งในเลกแรกปรากฏว่า ฟิออเรนติน่า แพ้คาบ้านก่อน 1-2 ทำให้เกมที่ต้องไปเยือน บาเซิ่ล ต้องเจอกับความกดดันอย่างหนักทันที ซึ่งสถานการณ์ในเกมที่สองนั้น ฟิออเรนติน่า บุกไปชนะ 2-1 ในเวลา 90 นาที ทำให้สกอร์รวมเสมอกัน 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษ

เกมในช่วงต่อเวลานั้นสูสีมากๆ และทั้งสองทีมต่างทำอะไรกันไม่ได้ มีทีท่าว่าอาจจะต้องไปตัดสินกันต่อในการดวลจุดโทษ แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่กินเวลายาวนานถึง 10 นาทีนั้น ฟิออเรนติน่า มายิงประตูชัยได้อย่างน่าเหลือเชื่อจาก อันโตนิน บารัค ในนาทีที่ 120+10 ทำให้รวมสองนัด "ม่วงมหากาฬ" เข้ารวมด้วยประตูรวม 4-3 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้แบบฉิวเฉียดจริงๆ

สำหรับเกมรอบชิงชนะเลิศที่ ฟอร์ทูน่า อารีน่า ในกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ซึ่ง ฟิออเรนติน่า จะปะทะกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นั้น จะเป็นเกมที่สูสีมากที่สุดเกมหนึ่ง และแชมป์ในรายการนี้จะมีความสำคัญสำหรับทั้งคู่เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นทางลัดให้ได้ไปเล่นใน ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลหน้าแล้ว นี่จะเป็นการได้ลุ้นแชมป์ยุโรปอีกครั้งสำหรับทั้งสองทีม หลังจากที่ห่างหายไปนานมากๆ

ฟิออเรนติน่า นั้น เคยได้แชมป์สโมสรยุโรปแค่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สโมสร นั่นคือแชมป์ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1961 หรือเมื่อ 62 ปีที่แล้ว ขณะที่ เวสต์แฮม แชมป์สุดท้ายที่พวกเขาได้ในรายการยุโรปคือ ยูฟ่า อินเตอร์ โตโต้ คัพ เมื่อปี 1999 ส่วนอีกหนึ่งครั้งคือ ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1965 ซึ่งต่างก็เป็นรายการที่ปัจจุบันถูก ยูฟ่า ยกเลิกไปหมดแล้วทั้งนั้น

ดังนั้นการคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ครั้งนี้ จะเป็นการเขียนประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรปในยุคสมัยใหม่สำหรับทั้งสองทีม ซึ่งใครจะเป็นฝ่ายได้แชมป์รายการนี้ไปครองนั้น ติดตามได้ในการถ่ายทอดสดนัดชิงชนะเลิศ วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน เวลา 02.00 น. (แข่งคืนวันพุธ) ที่ ทรูวิชั่นส์ ทางช่อง beIN Sports 3 (ช่อง 609)

ภาพจาก Getty Images

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial