แม็กซ์ คว้าแชมป์ที่ออสเตรเลีย สุดวุ่นรีสตาร์ท 3 ครั้ง

แม็กซ์ คว้าแชมป์ที่ออสเตรเลีย สุดวุ่นรีสตาร์ท 3 ครั้ง
“แม็กซ์” คว้าแชมป์ “ออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์” ครั้งแรกในอาชีพ แข่งขันยาวนาน เรซสุดวุ่น ธงแดงและต้องออกสตาร์ทใหม่ 3 รอบ กว่าจะจบพระอาทิตย์เกือบตกดิน




แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์ ออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นชัยชนะแรกที่นี่ในอาชีพ และชัยชนะของ เร้ดบูลล์ เรซิ่ง ที่สนามแห่งนี้นับตั้งแต่ปี 2011 ตามด้วย ลูอิส แฮมิลตัน จาก เมอร์ซิเดส และ เฟร์นานโด อลอนโซ่ ที่มีโชคเล็กน้อยจากการรีสตาร์ท 2 รอบในการแข่งขันอันยาวนาน ที่กว่าจะสิ้นสุดก็เกือบถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินในเวลาท้องถิ่น 


เริ่มต้นที่ อัลเบิร์ต พาร์ค จอร์จ รัสเซลล์ ชิงจังหวะขยับขึ้นมาเป็นผู้นำ แซงหน้า แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน เจ้าของโพลวันก่อน และเมื่อถึงโค้ง 3 ลูอิส แฮมิลตัน กดดันในมุมได้เปรียบ รถของ เมอร์ซิเดส ทั้งสองคันอยู่ข้างหน้า ส่วนกลุ่มข้างหลัง แลนซ์ สตรอลล์ เบียด ชาร์ลส์ เลอแกลร์ แชมป์สนามนี้ในปีก่อนหลุดออกนอกแทร็คและออกนอกการแข่งขัน มีสัญญาณธงเหลือง รถของ เฟอร์รารี่ เหลือเพียงคันเดียว


อเล็กซ์ อัลบอน นักขับไทยทีม วิลเลี่ยมส์ ขยับจากอันดับ 8 ขึ้นมาเป็นอันดับ 6 ทันที แต่เพียงแค่ 7 รอบ รถก็หลุดโค้งในช่วง เซคเตอร์ 2 ท้ายปัดแล้วชนเข้ากับที่กั้นถนน ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย และเนื่องจากรถไถลไปโดนทางกรวดกระจายบนพื้นสนามทำให้เกิดธงแดง รถทุกคันต้องกลับเข้าพิตเพื่อรอการทำความสะอาดพื้นถนน


รีสตาร์ทรอบที่ 10 ของการแข่งขัน รัสเซลล์ เริ่มต้นด้วยอันดับ 7 เนื่องจาก เมอร์ซิเดส รีบตัดสินใจให้เข้าพิตเปลี่ยนยางขณะที่มีสัญญาณธงเหลือง เพราะไม่รู้ล่วงหน้าว่าเวลาต่อมาจะเกิดธงแดงจนต้องหยุดการแข่ง จนทีมงานต้องส่งคำขอโทษผ่านวิทยุ แต่ รัสเซลล์ ก็พยายามไต่อันดับกลับขึ้นมาเป็นที่ 4 ในสามรอบถัดมา


รอบที่ 12 เวอร์สเตปเปน ขยับขึ้นเป็นผู้นำได้สำเร็จ ขณะที่ เซอร์จิโอ เปเรซ ซึ่งออกสตาร์ทจากพิตเลนค่อยๆ ไต่ขึ้นมา เป็นอันดับ 15 แต่ไม่สามารถขยับอันดับเพิ่มเติมเมื่อกลับมาเริ่มการแข่งเพราะอยู่ในมุมที่ไม่ดีนัก แต่รอบที่ 15 ก็ขึ้นมาเป็นอันดับ 14 


รอบที่ 18 รัสเซลล์ ต้องออกจากการแข่งขันเนื่องจากเครื่องยนตร์มีปัญหา ท้ายรถติดไฟ และต้องจอดที่ปากทางออกจากพิตเลน สัญญาณธงเหลืองขึ้นมาอีกครั้ง และมี เวอร์ช่วล เซฟตี้ คาร์ ทำให้รถทุกคันต้องลดความเร็วลงระหว่างเจ้าหน้าที่ยกรถออกไปจากแทร็ค และผ่านไป 1 ใน 3 ของรอบทั้งหมด เปเรซ ขับขึ้นมาในอันดับ 12 และขึ้นเป็นอันดับ 9 เมื่อผ่าน 30 รอบ เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนรอบสนาม


5 รอบสุดท้าย รถของ เควิน แม็กนุสเซ่น ค่อยๆ ลดความเร็วลง เนื่องจากยางล้อหลังข้างขวาหลุดจากการออกโค้ง 2 ไถไปกับกำแพง และต้องจอดรถที่ข้างถนน สัญญาณธงเหลืองขึ้น แต่เปลี่ยนเป็นธงแดงในรอบถัดมาเพราะเจ้าหน้าที่ต้องทำความสะอาดพื้นแทร็คที่มียางและชิ้นส่วนรถอยู่ รวมทั้งยกรถของทีมฮาสออกไปด้วย


รอบที่ 57 เหลือเพียง 2 รอบท้าย การแข่งขันต้องเริ่มใหม่จากจุดออกตัว ทันทีที่ออกสตาร์ท เวอร์สเตปเปน ที่เสียตำแหน่งไปจากสองครั้งแรกทั้งรอบแรก และช่วงรอบที่ 10 ก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นบังมุมไม่ให้ทั้ง แฮมิลตัน และ อลอนโซ่ ชิงจังหวะสำเร็จ แก้ตัวได้ดี แต่ คาร์ลอส ไซนซ์ ในอันดับ 4 เฉี่ยวกับรถของ อลอนโซ่ จนรถ แอสตัน มาร์ติน ยางแตก สตรอลล์ ที่ตามมาขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 แต่เนื่องจากพยายามทำความเร็วเพื่อหวังโพเดียม พารถหลุดโค้งเข้าถนนกรวดไปเอง 


กลุ่มหลัง รถสองคันของ อัลพีน ทั้ง เอสเตบัน โอคอน และ ปิแอร์ แกสลี่ย์ ซัดกันเองจนชิ้นส่วนรถกระจายเต็มแทร็ค ส่งผลให้คันที่ตามมาของ โลแกน ซาร์เจนท์ เสียหายไปด้วย วิลเลี่ยมส์ ออกจากการแข่งทั้งสองคัน โดยฝ่ายควบคุมการแข่งขันให้กลับมารีสตาร์ทอีกครั้งตามหลัง เซฟตี้ คาร์ ซึ่งรถที่ยังแข่งต่อได้ ไม่เกิดเสียหายหนักจะขยับเลื่อนอันดับขึ้นมาจากครั้งก่อน ทำให้ อลอนโซ่ กลับมาเริ่มในอันดับ 3 


จบการแข่งขัน รถที่ยังอยู่ขับตามหลัง เซฟตี้ คาร์ จนเข้าเส้นชัย เวอร์สเตปเปน คว้าแชมป์สนามที่ 37 ส่วนเพื่อนร่วมทีม เปเรซ คว้าอันดับ 5 พร้อมกับรางวัลนักขับยอดเยี่ยมประจำวัน ส่วน เฟร์นานโด อลอนโซ่ คว้าโพเดียมครั้งที่ 100 ในอาชีพ 

ภาพถ่ายทอดสด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial