คล็อปป์ชี้หงส์พลาดเองไม่ชนะ แต่เชื่อการลุ้นแชมป์ยังไม่จบ

คล็อปป์ชี้หงส์พลาดเองไม่ชนะ แต่เชื่อการลุ้นแชมป์ยังไม่จบ
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของ ลิเวอร์พูล เชื่อว่าทีมของตนยังคงมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าจะทำได้แค่บุกมาเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัด "วันแดงเดือด" เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา จนทำให้ตอนนี้ต้องเสียตำแหน่งจ่าฝูงไปให้กับ อาร์เซน่อล แล้วก็ตาม

ลิเวอร์พูล ต้องการ 3 คะแนนเท่านั้น หากต้องการกลับไปเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง ในการมาเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ ต่างชนะมาได้ทั้งคู่ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ และเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทีมหงส์แดงก็เริ่มต้นเกมได้เยี่ยม เมื่อเป็นฝ่ายคุมเอาไว้ในมือได้แบบเบ็ดเสร็จในช่วงครึ่งแรก และออกนำไปก่อน 1-0 จาก หลุยส์ ดิอาซ ในนาทีที่ 23 แต่ปัญหาคือ ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงมากมาย แต่กลับทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น

ทำให้ในครึ่งหลัง พวกเขายังต้องการประตูที่สองเพื่อปิดเกม แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ จาเรลล์ ควอนซาห์ ปราการหลังดาวรุ่งจ่ายบอลคืนหลังผิดพลาด ไปเข้าทาง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้โอกาสยิงไกลข้ามหัว ควีวิน เคลเลเฮอร์ เข้าไปประตูไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ปีศาจแดงตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ในนาทีที่ 50

จากนั้น ลิเวอร์พูล ก็เหมือนช็อตไปดื้อๆ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เริ่มหาโอกาสจบสกอร์ได้มากขึ้น ทั้งๆ ที่ในครึ่งแรกไม่มีโอกาสสับไกยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งในนาทีที่ 67 แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ ค็อบบี้ ไมนู กองกลางวัย 18 ปีได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะพลิกเข้าเท้าขวาและยิงปั่นไซด์โค้ง บอลลอยหนีมือ เคลเลเฮอร์ เสียบเสาไกลเข้าไปแบบงามหยด ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์ขึ้นนำเป็น 2-1

ลิเวอร์พูล ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่ ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามเน้นเกมรับเพื่อรักษาสกอร์ ก่อนที่ อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็กขวาของทีมจะก่อความผิดพลาดจนได้ หลังเข้าเสียบสกัดพรวดพราดใส่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ทำให้ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษให้ทีมเยือนทันที และเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ ในนาทีที่ 84

แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เหลือรวมช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีก 7 นาที ทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มเติมไม่ได้ ทำให้จบเกมเสมอกันไป 2-2 แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ถูก อาร์เซน่อล แซงนำไปเป็นจ่าฝูงแทนที่ แม้ว่าจะมี 71 คะแนนเท่ากัน และผลต่างประตูได้เสียของทีมปืนใหญ่ดีกว่า 9 ลูก ในขณะที่เหลือเกมอีก 7 นัดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจบเกม คล็อปป์ เชื่อว่าสถานการณ์ในการลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยกล่าวว่า "แน่นอนว่าเราน่าจะชนะในเกมนี้ มันเห็นได้อย่างชัดเจน เราน่าจะยิงประตูได้มากกว่านั้นตั้งแต่ครึ่งแรก พวกเขา (แมนฯ ยูไนเต็ด) ไม่มีจังหวะยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว และ 1-0 ก็ถือว่าน้อยที่สุดเท่าที่เราจะหวังได้"

"ประตูของ บรูโน่ (แฟร์นันด์ส) นั้นเยี่ยมมาก จากนั้นเสียงทั้งสนามก็กระหึ่มออกมา ทำให้เราต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัวอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็มาได้ประตูเพิ่ม มันเป็นประตูที่มหัศจรรย์ ทั้งๆ ที่เรามีโอกาสสำคัญทั้งก่อนและหลังจากที่พวกเขาได้ประตู มันเป็นหนึ่งแต้มในการมาเยือนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด"

"ผมคิดว่าลูกยิงของ ดอม โซโบสไล เป็นการเซฟที่น่าทึ่งจาก อังเดร โอนาน่า ส่วนคนอื่นๆ ก็ดูรีบร้อนเกินไปนิดหน่อย ผมอยากให้ทุกคนใจเย็นลงมากกว่านี้ เรายังมี ยูโรป้า ลีก ในคืนวันพฤหัสบดี และต่อด้วยเกมรับมือ คริสตัล พาเลซ มันจะเป็นเกมที่เข้มข้นซึ่งดีสำหรับเรา สุดท้ายแล้วทีมที่จะคว้าแชมป์ลีกได้จะเป็นทีมที่คู่ควรที่สุด ตอนนี้เรายังอยู่ในการแข่งขัน และผมก็โอเคกับมัน"

สำหรับโปรแกรมนัดถัดไปของ ลิเวอร์พูล นั้น พวกเขาจะเล่นในบ้านรับการมาเยือนของ อตาลันต้า ในเกม ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรก ในวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายนนี้ ต่อด้วยเกมพรีเมียร์ลีกที่จะรับมือ คริสตัล พาเลซ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน

ภาพจาก Getty Images

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial