เชลซีบอลเปลี่ยนโค้ช มีลุ้นได้แต้มจากลิเวอร์พูลที่ฟอร์มบู่ต่อเนื่อง

เชลซีบอลเปลี่ยนโค้ช มีลุ้นได้แต้มจากลิเวอร์พูลที่ฟอร์มบู่ต่อเนื่อง
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชลซี จะรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล โดยเกมนี้ เชลซี เจ้าถิ่น แม้ว่าฟอร์มที่ผ่านมาจะย่ำแย่ แต่ตอนนี้บรรยากาศในทีมน่าจะดีขึ้น หลังจากที่ทำการปลด เกรแฮม พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งกุนซือไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เกมนี้บรรดานักเตะเชลซีอาจจะกลับมาตั้งใจเล่นกันใหม่อีกครั้ง ตรงข้ามกับ ลิเวอร์พูล ที่ยังฟอร์มบู่ไม่เลิก แพ้มา 3 เกมติดต่อกันแล้วในทุกรายการ และเกมนี้พวกเขาจะพลาดไม่ได้อีกแล้วหากว่ายังหวังจะมีลุ้นติดพื้นที่ท็อป 4

พรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี พบ ลิเวอร์พูล
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เวลา : 02.00 น. วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 (แข่งคืนวันอังคาร)
ถ่ายทอดสดทาง : True Premier Football 1, 2 (ช่อง 600, 602)

เชลซี
เชลซี จัดการปลด เกรแฮม พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งกุนซือเป็นที่เรียบร้อย หลังพาทีมพ่ายคาบ้านต่อ แอสตัน วิลล่า ไป 0-2 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว โดยในระหว่างนี้ เชลซี ได้มอบหมายให้ บรูโน่ ซัลตอร์ เป็นกุนซือชั่วคราวไปก่อนในระหว่างที่ทีมกำลังสรรหาผู้จัดการทีมถาวรคนใหม่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานหลังจากนี้ โดยมีชื่อของ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ อดีตกุนซือ บาเยิร์น มิวนิค ที่เพิ่งโดนปลดเมื่อไม่นานมานี้เช่นกันเป็นตัวเต็ง เท่ากับว่าตอนนี้บรรยากาศในทีมน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังฟอร์มในช่วงที่ผ่านมาของ เชลซี ถือว่าย่ำแย่และไม่มีความแน่นอน จนอันดับในตารางคะแนนร่วงไปอยู่อันดับที่ 11 หลุดจากท็อปเท็นไปเรียบร้อย

ในส่วนของสภาพทีม เชลซี ยังคงมีปัญหานักเตะบาดเจ็บหลายราย โดยเกมนี้จะยังคงไม่มี อาร์มันโด้ โบรย่า, ติอาโก้ ซิลวา, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เอดูอาร์ เมนดี้ และ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง ที่ยังบาดเจ็บอยู่ทั้งหมด ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยังมีอาการเจ็บเล็กน้อย คาดว่ายังช่วยทีมไม่ได้ในเกมนี้ แต่ที่เหลือไม่มีปัญหาฟิตพร้อมลงสนามทั้งหมด โดยเกมนี้อาจจะมีการปรับระบบเล็กน้อยมาเป็น 3-5-2 เกมรุกจะฝากความหวังไว้ที่ ไค ฮาแวร์ตซ และ ชูเอา เฟลิกซ์

ลิเวอร์พูล
ทีมหงส์แดงกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตกอย่างแท้จริง หลังจากที่แพ้มา 3 เกมติดต่อกันแล้วในทุกรายการ โดยเป็นเกมพรีเมียร์ลีก 2 นัด และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 โดยผลงานในเกมล่าสุดคือการบุกไปโดน แมนฯ ซิตี้ ถล่มขาดลอย 4-1 ในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ทำให้ตอนนี้ 11 เกมหลังสุดในทุกรายการพวกเขาแพ้ไปถึง 6 เกม เสมอ 1 และชนะได้แค่ 4 เกมเท่านั้น นอกจากนี้ผลงานในการเล่นเป็นทีมเยือนก็ย่ำแย่มากๆ โดยพวกเขาแพ้ไปถึง 12 เกมจากทั้งหมด 21 เกมรวมทุกรายการ และชนะได้แค่ 6 เกมเท่านั้น นั่นทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ทำไม ลิเวอร์พูล ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ อันดับ 7-8 ของตาราง และขยับขึ้นไปลุ้นพื้นที่ท็อป 4 ไม่ได้เสียที และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าโอกาสจะเริ่มยากมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ในส่วนของสภาพทีม ลิเวอร์พูล จะยังคงไม่สามารถใช้งาน ติอาโก้ อัลกันตาร่า, คาลวิน แรมซี่ย์, นาบี เกอิต้า และ สเตฟาน บายเซติช ที่ยังบาดเจ็บอยู่ทั้งหมด ขณะที่ หลุยส์ ดิอาซ กลับมาซ้อมได้แล้ว แต่น่าจะยังฟิตไม่พอที่จะลงเล่นในเกมนี้ ส่วนที่เหลือนั้นไม่มีปัญหา แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะมีการเปลี่ยนทีมจากที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ บางตำแหน่ง โดยนักเตะอย่าง โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, เจมส์ มิลเนอร์ และ คอสตาส ซิมิคาส มีโอกาสได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เชลซี (3-5-2) : เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า : เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, คาลิดู คูลิบาลี่, เบอนัวต์ บาเดียชิล : รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, มาเตโอ โควาซิช, เบน ชิลเวลล์ : ไค ฮาแวร์ตซ์, ชูเอา เฟลิกซ์

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซง เบคเกอร์ : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส : เจมส์ มิลเนอร์, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, ดาร์วิน นูนเญซ

ความน่าจะเป็น : เชลซี ตัดสินใจปลด พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งไป น่าจะทำให้บรรยากาศในทีมกลับมาอยู่ในทิศทางบวก เนื่องจากที่ผ่านมาฟอร์มของทีมย่ำแย่จริง และตัว พ็อตเตอร์ เองก็น่าจะซื้อใจนักเตะในทีมไม่ไหวแล้ว ดังนั้นการออกจากทีมไปในตอนนี้น่าจะเป็นผลดีที่สุด เท่ากับว่า เชลซี กลายเป็นบอลเปลี่ยนโค้ช อาจจะสร้างบางสิ่งบางอย่างได้ในเกมนี้ ขณะที่ ลิเวอร์พูล พลาดไม่ได้อีกแล้วหากว่ายังอยากมีลุ้นติดท็อป 4 พวกเขาต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมองจากฟอร์มที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ต้องบอกว่าค่อนข้างยากมากจริงๆ รูปเกมที่ออกมาน่าจะสูสีกัน โดยที่ เชลซี อาจจะครองเกมได้มากกว่าเนื่องจากได้เล่นในบ้าน และโอกาสที่จะจบลงด้วยการเสมอกันไปนั้นมีมากที่สุด

สกอร์ที่คาด : เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

ภาพจาก Getty Images

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร :

Website : www.truevisions.co.th

Facebook : Truevisions

Twitter : @TrueVisions

Line : @Truevisions

Youtube official : Truevisionsofficial

Instagram : Truevisionsofficial